ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยพุ่งกระฉูด บวก 30 จุด รับข่าวดีสเปนยอมขอวงเงินช่วยเหลือภาคธนาคารและจีนลดอัตราดอกดเบี้ย โบรกฯประเมินมีโอกาสทั้งขึ้น และปรับลงหลังขึ้นแรง ให้จับตาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งไม่ชัดเจน และประเทศอื่นในยุโรปที่อาจมีปัญหา พร้อมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(11มิ.ย.) ปรับตัวอยู่ในแดนบวกรับข่าวดีจากสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน โดยปิดที่ระดับ 1,158.07 จุด เพิ่มขึ้น 30.97 จุด หรือ 2.75% มูลค่าการซื้อขาย 30,693.33 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,158.07 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,143.17 จุด
อย่างไรก็ตาม พบว่า ผู้ซื้อสุทธิสูงสุด กลับเป็นบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)และสถาบัน ซึ่งซื้อสุทธิ 2,253.60 ล้านบาท และ 2,010.62 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 585.38 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 3,678.84 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 443 หลักทรัพย์ ลดลง 120 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 94 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,383.84 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,964.48 ล้านบาท ปิดที่ 138.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,597.12 ล้านบาท ปิดที่ 320.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,362.72 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,279.75 ล้านบาท ปิดที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผอ.ฝ่ายวิจัย บล.เอเ ซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทนยดีดกลับเพราะได้รับปัจจัยบวกจากการที่สเปนประกาศขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงการที่ปลายสัปดาห์ก่อนจีนประกาศลดอกเบี้ยลง ทำให้คาดว่าปริมาณเงินจะเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยเฉพาะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น รวมถึงทำให้แรงเทขายของต่างชาติชะลอลง
แนวโน้มวันนี้(12 มิ.ย.) มองว่า ต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไร หลังดัชนีปรับเพิ่มขึ้นมาก พร้อมทั้งต้องติดตามความคืบหน้าวิกฤติหนี้ยุโรปที่ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจของจีนหลังลดดอกเบี้ย และการเมืองในประเทศของไทย ประเมินแนวรับที่ 1,135 จุด และแนวต้าน 1,170-1,190 จุด ด้าน
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงตามแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ หลังอียูอนุมัติวงเงินช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปน ทำให้ความวิตกกังวลลดลงไป อย่างไรก็ตามต้องติดตามปัญหาหนี้สินของอีกหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนต่อไป รวมถึงผลการเลือกตั้งของกรีซในช่วงสุดสัปดาห์นี้
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(12 มิ.ย.)คาดว่า ตลาดฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากประเมินว่าตลาดหุ้นยุโรปจะปิดบวกได้ แต่ต้องระวังแรงขายทำกำไรระหว่างวัน หลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรง รวมทั้งต้องติดตามการประชุมรัฐสภาว่าจะมีการรวบรัดลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 หรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,150 และ 1,140 และ 1,130 แนวต้าน 1,160-1,166 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(11มิ.ย.) ปรับตัวอยู่ในแดนบวกรับข่าวดีจากสถานการณ์วิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน โดยปิดที่ระดับ 1,158.07 จุด เพิ่มขึ้น 30.97 จุด หรือ 2.75% มูลค่าการซื้อขาย 30,693.33 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,158.07 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,143.17 จุด
อย่างไรก็ตาม พบว่า ผู้ซื้อสุทธิสูงสุด กลับเป็นบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)และสถาบัน ซึ่งซื้อสุทธิ 2,253.60 ล้านบาท และ 2,010.62 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 585.38 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 3,678.84 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 443 หลักทรัพย์ ลดลง 120 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 94 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,383.84 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,964.48 ล้านบาท ปิดที่ 138.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,597.12 ล้านบาท ปิดที่ 320.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,362.72 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,279.75 ล้านบาท ปิดที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผอ.ฝ่ายวิจัย บล.เอเ ซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทนยดีดกลับเพราะได้รับปัจจัยบวกจากการที่สเปนประกาศขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงการที่ปลายสัปดาห์ก่อนจีนประกาศลดอกเบี้ยลง ทำให้คาดว่าปริมาณเงินจะเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยเฉพาะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น รวมถึงทำให้แรงเทขายของต่างชาติชะลอลง
แนวโน้มวันนี้(12 มิ.ย.) มองว่า ต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไร หลังดัชนีปรับเพิ่มขึ้นมาก พร้อมทั้งต้องติดตามความคืบหน้าวิกฤติหนี้ยุโรปที่ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจของจีนหลังลดดอกเบี้ย และการเมืองในประเทศของไทย ประเมินแนวรับที่ 1,135 จุด และแนวต้าน 1,170-1,190 จุด ด้าน
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงตามแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ หลังอียูอนุมัติวงเงินช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปน ทำให้ความวิตกกังวลลดลงไป อย่างไรก็ตามต้องติดตามปัญหาหนี้สินของอีกหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนต่อไป รวมถึงผลการเลือกตั้งของกรีซในช่วงสุดสัปดาห์นี้
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(12 มิ.ย.)คาดว่า ตลาดฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากประเมินว่าตลาดหุ้นยุโรปจะปิดบวกได้ แต่ต้องระวังแรงขายทำกำไรระหว่างวัน หลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรง รวมทั้งต้องติดตามการประชุมรัฐสภาว่าจะมีการรวบรัดลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 หรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,150 และ 1,140 และ 1,130 แนวต้าน 1,160-1,166 จุด