คอลัมน์ ...Wealth Panorama by KKFund
โดย อภิรติ ชัยรัตน์
ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทำให้หัวใจของนักลงทุนเต้นผิดจังหวะกันไปหลายรอบ มีผู้ลงทุนหลายท่านที่ไม่เคยเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สงสัยว่า ทำไมหุ้นถึงขึ้นลงขนาดนี้ แล้วเค้าดูอะไรกันบ้างก่อนเลือกลงทุน ลงทุนในหุ้น ก็เหมือนเลือกเชียร์ทีมบอลในยูโร 2012 ต้องวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของทีม ผู้จัดการทีม ดาราเด่นของทีม ประวัติการแข่งขัน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อการแพ้ชนะของทีม ถึงกระนั้นในการเลือกทีม เราก็ยังมีคะแนนที่แอบชอบเป็นการส่วนตัวด้วย หุ้นก็เหมือนกัน เราก็ต้องมาดูว่าอะไรมีผลต่อราคาของหุ้นบ้างเพื่อที่จะรู้ว่าเหมาะกับการลงทุนหรือไม่ ปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็มีหลายประการเช่น สถานการณ์เศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง สถานการณ์ของกลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละประเภท และสถานการณ์ผลประกอบการของแต่ละบริษัท
สถานการณ์ผลประกอบการของแต่ละบริษัทจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทนั้น ๆ หรือบริษัทในเครือ ไม่ได้กระทบต่อราคาหุ้นทั้งตลาด ส่วนใหญ่สถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน เมื่อบริษัทต่างๆ ทยอยเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ของกลุ่มอุตสาหกรรมในแต่ละประเภทจะมีผลกระทบต่อบริษัทในอุตสาหกรรมประเภทนั้น ๆ เป็นหลัก อาจกระทบบริษัทอื่น ๆ บ้างที่มีส่วนในการทำธุรกิจร่วมกันอยู่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นที่นิยม เช่น กลุ่มทรัพยากร ที่ประกอบด้วยบริษัทพลังงานและบริษัทที่ทำเหมืองแร่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วยบริษัทที่ทำอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน กลุ่มธุรกิจการเงินประกอบด้วยธนาคาร บริษัทประกันภัยประกันชีวิต และบริษัทหลักทรัพย์ เป็นต้น
สถานการณ์ที่มีผลมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ สถานการณ์นี้มีผลต่อราคาหุ้นแทบทุกตัวในตลาด ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศยุโรป โดยเฉพาะกรีซที่มีเงินคงคลังเหลือน้อยในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้และยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องออกจากยูโรโซนหรือไม่ สเปนที่มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งปัจจัยภายในด้านการเมืองที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความเห็นกัน แต่ก็เริ่มผ่อนคลายแล้วในปลายสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการวิเคราะห์เศรษฐกิจพื้นฐาน ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี โดยปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศ การใช้จ่ายหรือมาตรการของรัฐบาลที่จะช่วยพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศถึงแม้ยังคงมีความเสี่ยงเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป แต่การดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายในเอเชีย การใส่มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หรือการรวมตัวเพื่อแก้ปัญหาของยุโรปจะค่อยๆ เพิ่มความชัดเจนและช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกได้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ากรีซจะเลือกอยู่ในยูโรโซน เพราะเป็นทางออกที่ดีสำหรับกรีซมากกว่า หากปัจจัยรอบด้านมีความชัดเจนและคลี่คลายลง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็จะสามารถกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวมาข้างต้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนใช้วิเคราะห์ประเมินมูลค่าหุ้น เพื่อดูว่ามูลค่าที่เหมาะสมหรือมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value)เป็นเท่าใดเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุน จะชนะหรือแพ้ก็แล้วแต่ความแม่นยำในการวิเคราะห์บวกกับสถานการณ์แวดล้อมที่อาจทำผลผลิกผันกว่าที่คาดไว้ ผสมกับความชอบในหุ้นใดหุ้นหนึ่งเป็นการส่วนตัวเหมือนเลือกเชียร์บอลยูโรนั่นเอง ช่วยเชียร์กรีซและสเปนกันด้วยนะ
