ASTVผู้จัดการรายวัน – ดัชนีตลาดหุ้นไทย เด้งรับผลประชุมกลุ่ม G7 ส่งสัญญาณช่วยอุ้มวิกฤตการเงินยุโรป-กรีซ บวกแรงกว่า 18.80 จุด ปิดที่ระดับ 1,117.95 จุด ด้านโบรกเกอร์ประเมินแนวโน้มวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ลุ้นผลประชุม ธนาคารกลางยุโรป มีมติลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (6 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน รับผลประชุม G7 หนุนช่วยเหลือนโยบายทางการเงินยุโรป-กรีซ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,123.44 จุด และต่ำสุดที่ 1,110.24 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,117.95 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 18.80 จุด หรือคิดเป็น 1.71% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 23,416.24ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,391.91 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,330.72 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 1,643.23 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 582.04 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ราคาปิด 177.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.28% มูลค่าการซื้อขาย 1,442.84 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT)ราคาปิด 308 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 1.65% และบมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ราคาปิด 54.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.82% มูลค่าการซื้อขาย 1,123.34 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคล้วนปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 18,520.53 จุด เพิ่มขึ้น 261.50 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดที่ 8,533.53 จุด เพิ่มขึ้น 151.53 จุด และดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,056.15 จุด เพิ่มขึ้น 55.70 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เ คทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 มิ.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าที่บริษัทคาดจากปัจจัยบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการลดอัตราดอกบี้ย ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายวิกฤตหนี้ยุโรป และจากการที่วิปรัฐบาลได้มีการส่งสัญญาณในการเลื่อนการพิจารณา พรบ.ปรองดองในการประชุมสภาสมัยนี้ ทำให้ลดแรงกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค
"เดิมบริษัทคาดว่าดัชนีวานนี้จะมีการรีบาวด์จากที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไปแรง ซึ่งวันก่อนหน้าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงที่1,099 จุด ซึ่งระดับดังกล่าวมีอัพไซด์ 15% จากบริษัทคาดว่าดัชนีสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,270 จุด ทำให้เป็นจังหวะเข้าซื้อ แต่ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าทีบริษัทคาดการณ์ไว้จากมีข่าวดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่วิปรัฐบาลส่งสัญญาณเลื่อนการพิจารณาพรบ.ปองดอง ออกไป และธนาคารกลางยุโรปมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนคลายเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป "นายปริญทร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 มิ.ย.) คาดว่าดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แต่ไม่แรงเหมือนกับวานนี้ จากมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ซึ่งบริษัทมองว่าภาพรวมการลงทุนในเเดือนนี้ดัชนีฯจะมีความผันผวนอยู่จากปัจจัยต่างประเทศเรื่องวิกฤตหนี้ว่าประเทศต่างๆในยุโรปจะมีข่าวอะไรออกมาอีก ซึ่งบริษัทแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้หากดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาให้ขายทำกำไรเตรียมเงินสดเพื่อไว้ซื้อในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง โดยประเมินแนวรับที่ระดับ1,110 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,125 -1,130 จุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (6 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน รับผลประชุม G7 หนุนช่วยเหลือนโยบายทางการเงินยุโรป-กรีซ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,123.44 จุด และต่ำสุดที่ 1,110.24 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,117.95 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 18.80 จุด หรือคิดเป็น 1.71% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 23,416.24ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,391.91 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,330.72 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 1,643.23 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 582.04 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ราคาปิด 177.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.28% มูลค่าการซื้อขาย 1,442.84 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT)ราคาปิด 308 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 1.65% และบมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ราคาปิด 54.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.82% มูลค่าการซื้อขาย 1,123.34 ล้านบาท
ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคล้วนปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 18,520.53 จุด เพิ่มขึ้น 261.50 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดที่ 8,533.53 จุด เพิ่มขึ้น 151.53 จุด และดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,056.15 จุด เพิ่มขึ้น 55.70 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เ คทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 มิ.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าที่บริษัทคาดจากปัจจัยบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการลดอัตราดอกบี้ย ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายวิกฤตหนี้ยุโรป และจากการที่วิปรัฐบาลได้มีการส่งสัญญาณในการเลื่อนการพิจารณา พรบ.ปรองดองในการประชุมสภาสมัยนี้ ทำให้ลดแรงกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค
"เดิมบริษัทคาดว่าดัชนีวานนี้จะมีการรีบาวด์จากที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไปแรง ซึ่งวันก่อนหน้าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงที่1,099 จุด ซึ่งระดับดังกล่าวมีอัพไซด์ 15% จากบริษัทคาดว่าดัชนีสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,270 จุด ทำให้เป็นจังหวะเข้าซื้อ แต่ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าทีบริษัทคาดการณ์ไว้จากมีข่าวดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่วิปรัฐบาลส่งสัญญาณเลื่อนการพิจารณาพรบ.ปองดอง ออกไป และธนาคารกลางยุโรปมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนคลายเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป "นายปริญทร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 มิ.ย.) คาดว่าดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แต่ไม่แรงเหมือนกับวานนี้ จากมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ซึ่งบริษัทมองว่าภาพรวมการลงทุนในเเดือนนี้ดัชนีฯจะมีความผันผวนอยู่จากปัจจัยต่างประเทศเรื่องวิกฤตหนี้ว่าประเทศต่างๆในยุโรปจะมีข่าวอะไรออกมาอีก ซึ่งบริษัทแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้หากดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาให้ขายทำกำไรเตรียมเงินสดเพื่อไว้ซื้อในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง โดยประเมินแนวรับที่ระดับ1,110 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,125 -1,130 จุด