xs
xsm
sm
md
lg

“ศก.โลก” ป่วน “ส่งออก-บาทอ่อน” ดุลฯ เดินสะพัดล้น “คลัง” เร่งดันลงทุนนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ห่วงผลกระทบเศรษฐกิจโลกฉุดบาทอ่อน “ส่งออก” แห่ขายดอลลาร์ ลดความเสี่ยง “คลัง” เร่งแก้ดุลบัญชีเดินสะพัดล้น กดดันค่าเงินบาทอ่อน เร่งนโยบายดันเอกชนไทยขนเงินออก-ลงทุน ตปท. พร้อมเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ-เมกะโปรเจกต์

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานภาพรวมตลาดการเงินช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบระดับ 31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยังมีความต้องการเงินดอลลาร์ จากกลุ่มผู้นำเข้า และประเด็นวิกฤตหนี้ยุโรปที่กระตุ้นแรงขายในตลาดหุ้นและสกุลเงินในเอเชียในช่วงต้นสัปดาห์

ทั้งนี้ เงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่ากลับมาในช่วงกลางสัปดาห์ หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงไม่ตัดโอกาสของการใช้มาตรการผ่อนคลายรอบใหม่ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีทิศทางที่อ่อนแอลง

นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของผู้ส่งออก และการยืนระดับของค่าเงินยูโร (แม้ปัญหาของสเปนจะมีความน่ากังวลมากขึ้น) ก็เป็นปัจจัยบวกของเงินบาทด้วยเช่นกัน โดยในวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555 เงินบาทอยู่ที่ 30.77 เทียบกับระดับ 30.91 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้า มองว่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.70-31.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องจับตารายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมีนาคม 2555 และอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน 2555 ของไทย ตลอดจนผลการประชุมนโยบายการเงินของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมถึงประเด็นแวดล้อมของวิกฤตหนี้ยุโรป และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขตลาดแรงงาน ดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนเมษายน 2555 ยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และ Core PCE Price Index เดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ ทาง สศค.จะเสนอชุดมาตรการ (แพกเกจ) ต่อกระทรวงการคลัง เพื่อผลักดันการลงทุนในต่างประเทศของไทยไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปของการลงทุนโดยตรง (FDI) และพอร์ตฟอลิโอ เพราะในช่วงที่ผ่านมา ไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างมากมีเงินไหลเข้ามาในประเทศตลอด เรียกว่ามีปริมาณของเงินออมมากกว่าเงินลงทุน

ปัจจุบัน ไทยมีสภาพคล่องในระบบธนาคารประมาณ 2 ล้านล้านบาท ดังนั้นจะต้องผลักดันให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในประเทศในส่วนของโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ต้องให้เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งทาง สศค.จะดูว่ามีโครงการไหนบ้างที่อนุมัติไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงทุนรวมถึงการเบิกจ่ายเงินในโครงการลงทุนต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าอย่างน้อย 70% น่าจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ 5.5% ในกรณีพื้นฐานอยู่แล้ว

ส่วนของการลงทุนต่างประเทศนั้น จำเป็นต้องทำและผลักดันเช่นกัน เพราะไทยมีการไปลงทุนในต่างประเทศน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนน้อยกว่ามาเลเซียประมาณ 3 เท่า น้อยกว่าสิงคโปร์ประมาณ 5 เท่า ทาง สศค.จึงจะเสนอแพ็กเกจดังกล่าวให้กระทรวงการคลังผลักดันการลงทุนในต่างประเทศในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ โดยจะมีกลไกที่จะช่วยธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SME) ให้ไปลงทุนในต่างประเทศได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งผลพลอยได้ที่จะติดตามมา คือ ค่าเงินบาทที่น่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
กำลังโหลดความคิดเห็น