หุ้นไทยผันผวนเช้าบวก-บ่ายรูด ปิดลบ 3.64 จุด ต่างชาติขาย 160 ล้าน แต่พอร์ต บล.เทกระจาด 2.2 พันล้านบาท โบรกฯ มองยังเป็นแนวโน้มขาลง จากปัจจัยลบในยุโรปที่กดดัน และส่อเค้ายืดเยื้อ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22 พ.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ โดยปิดที่ระดับ 1,131.52 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.32% มูลค่าการซื้อขาย 26,540.67 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,149.72 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,131.52 จุด จากปัจจัยต่างประเทศกดดัน หลังประเมินสถานการณ์วิกฤตหนี้ยุโรปยืดเยื้อ โดยพบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ขายสุทธิ 2,260.99 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ขาย 160.30 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 236 หลักทรัพย์ ลดลง 285 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 133 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,874.24 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท ลดลง 4.50 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,831.77 ล้านบาท ปิดที่ 462.00 บาท ลดลง 22.00 บาท PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,231.91 ล้านบาท ปิดที่ 60.25 บาท ลดลง 0.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,163.51 ล้านบาท ปิดที่ 319.00 บาท ลดลง 3.00 บาท และ SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,158.03 ล้านบาท ปิดที่ 317.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
นายคมสันต์ ปรมาติ รองผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงแสดงถึงทิศทางขาลง แม้จะดีดตัวขึ้นมาได้ในช่วงเช้า แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,150 จุดไปได้ โดยปัจจัยลบมาจากกระแสเงินไหลออกทั้งภูมิภาค แต่ตลาดหุ้นไทยปรับลงมากกว่าตลาดหุ้นอื่น อาจเพราะราคาหุ้นหลายตัวปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าภูมิภาค ทำให้นักลงทุนหาจังหวะขายหลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/55 ออกมา
สำหรับปัจจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาของกรีซยังคงกดดันตลาดต่อไป เพราะยังคงไม่มีความชัดเจน แม้ว่าจะมีกำหนดเลือกตั้งใหม่ และอาจจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ แต่ก็จะต้องประชุมร่วมกันในสหภาพยุโรปว่าจะมีนโยบายอย่างไรในการแก้ไข ดังนั้น ปัญหานี้ยังคงกดดันให้ภาพรวมเป็นขาลง การดีดตัวขึ้นมาบางช่วงก็เป็นเพียงการรีบาวนด์ทางเทคนิคเท่านั้น
“แนะนำการลงทุนแบบ Trading ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่ต่างชาติถือลงทุน และให้รอจังหวะเลือกซื้อหุ้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสาร และค้าปลีก แนวรับที่ 1,125-1,120 จุด แนวต้าน 1,145 จุด”
