ส.นักวิเคราะห์ เชื่อ วิกฤตหนี้ยุโรปไม่รุนแรงเท่าซับไพรม์ ชี้ หากกรีซถูกบีบออกยูโรโซนจริง กระทบตลาดหุ้นไทยแค่ช่วงสั้น แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า เงินทุนต่างชาติจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน พร้อมคาดเม็ดเงินที่ไหลออกไป สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับเข้ามาลงทุนเหมือนเดิม ด้านตลาดหุ้นร่วง 19 จุด
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงปัญหาหนี้ยุโรปที่หลายฝ่ายกังวลจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย โดยมองว่า ผลกระทบในรอบนี้ น่าจะเบากว่าวิกฤตหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ (ซับไพรม์) ในรอบที่แล้ว เพราะปัญหากรีซหลายฝ่ายได้รับรู้อยู่แล้ว ซึ่งมองว่าไม่ว่ากรีซจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น สุดท้ายปัญหาจะมีทางออก เนื่องจากทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรปจะมีการผ่อนปรนมาตรการรัดเข็มขัดแบบสุดชีวิต
“หากกรีซถูกขับออกจากกลุ่มยูโรโซนในทันทีจะเกิดปัญหาตามมาทันที แต่อาจกระทบกับตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นๆ และกระทบกับเงินลงทุนจริงๆ โดยเฉพาะเงินที่เข้ามาลงทุนหลังเกิดวิกฤตซับไพรม์ เพราะมีต้นทุนถูก และส่วนใหญ่เป็นเงินเก็งกำไร ซึ่งขัดแย้งกับภาพรวมของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในช่วงนั้นที่ลดลง”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน แต่แม้เงินไหลออกแต่สุดท้ายเงินทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อ เพราะไทยถือว่าโชคดี เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง สวนทางกับความอ่อนแอจากเศรษฐกิจในต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่น การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ และการปรับเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรี จึงมีผลทั้งทางตรงและอ้อม รวมทั้งทำให้ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น
สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,149.74 จุด ลดลง 23.82 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.03% มูลค่าการซื้อขาย 13,424.41 ล้านบาท มีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ โดยคาดว่า ปัญหายุโรปในรอบนี้ นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินออกไป
ล่าสุด ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,154.44 จุด ลดลง 19.12 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.63% มูลค่าการซื้อขาย 28,637.53 ล้านบาท