“ก.ล.ต.” จับมือ “ธปท.-ตลท.” ติดตามวิกฤตหนี้ “ยุโรป” อย่างใกล้ชิด เผยผลสำรวจ บจ. กระทบน้อย คาดเงินทุนต่างชาติไหลออกแค่ระยะสั้น เพราะพื้นฐาน ศก.ไทยแข็งแกร่ง และภาคธุรกิจได้ปรับแผนส่งออกไปแล้ว ชี้การทำกำไร บจ. ยังดีเยียม แต่ไม่ประมาท กำชับโบรกฯ เพิ่มการดูแลการลงทุน มั่นใจ “ฟอร์ซเซล” มีไม่มาก
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้ติดตามสถานการณ์ปัญหาในยุโรปอย่างใกล้ชิด ดูว่าปัญหามีการขยายวงกว้างมากขึ้นอย่างไร และกระทบกับภาวะตลาดทุน และบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) อย่างไร โดยผลการสำรวจในเบื้องต้น พบว่า บจ.ของไทย ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการส่งออกไปยังยุโรปบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา แต่อาจจะกระทบกับกระแสการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นบ้าง แต่เชื่อว่าเป็นปัจจัยระยะสั้น
“ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงแรง เป็นเพราะนักลงทุนกังวลปัญหาหนี้ยุโรป แต่โดยรวมนักลงทุนต่างชาติยังขายออกไม่มาก ถึงแม้ว่าระยะต่อไปอาจจะขายออกไป เพราะกังวลกับสถานการณ์ในยุโรป ก็เชื่อว่าเมื่อนักลงทุนตั้งหลักได้แล้ว ก็จะกลับเข้ามาลงทุนในไทย และเข้ามาในภูมิภาคเอเชียอยู่ เพราะมีพื้นฐานในประเทศที่ดีรองรับ โดยเฉพาะการเติบโตของ บจ.ที่ยังทำกำไรได้ดี แม้ในช่วงวิกฤต”
โดยการทำงานที่ผ่านมา ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ซึ่งการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้น ก็ถือว่าอยู่ในภาวะปกติที่มีการเทขายออกไปบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นไปมาก จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีการทำกำไร โดยมีปัจจัยปัญหาหนี้ยุโรปเป็นตัวกระตุ้น แต่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตลาดหุ้นไทยปรับลงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการติดตามข้อมูลใกล้ชิด แต่คงไม่มีมาตรการ หรือการกำกับที่เข้มขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่ากำกับเข้มอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้กำชับโบรกเกอร์ ติดตามการลงทุนใกล้ชิดเช่นเดียวกัน ซึ่งพบว่าการบังคับขาย (Force sale) หรือการใช้มาร์จิ้นซื้อขายมีไม่มาก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ต้องระมัดระวังการลงทุน รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด