xs
xsm
sm
md
lg

"โบรกฯ-กองทุน"ห่วงตปท.เสี่ยง ฉุดเงินลงทุนนอกชะลอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก.ล.ต.เผย นักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศไตรมาสแรกปีนี้ยังไม่มาก เหตุ ภาวะตลาดหุ้นไทยดี-ภาวะต่างประเทศยังไม่เอื้อมากนัก แต่เชื่ออาเซียนลิ้งค์เกจเกิดทำให้นักลงทุนไทยออกลงทุนนอกมากขึ้น

นางดวงมน จึงเสถียรทรัพย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายงานผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เม็ดเงินที่ออกไปลงทุนต่างประเทศของนักลงทุนบุคคล และกองทุนรวม ในช่วง ไตรมาส1 ที่ผ่านมานั้น มีไม่มากนัก และยังไม่เต็มวงเงินที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจาก ต้นปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และปัจจัยทางยุโรป และสหรัฐอเมริกาไม่ดี ทำให้เม็ดเงินลงทุนก็จะไหลเข้าไปลงทุนในประเทศเกิดใหม่ จีน อินเดีย ซึ่งนักลงทุนและกองทุนไทยมีการออกไปลงทุนบ้าง

ทั้งนี้ โดย ณ สิ้นเดือนเมษายน เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนบุคคลที่ลงทุนต่างประเทศผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)และ กองทุนส่วนบุคคล (ไพร์เวทฟันด์)ที่สะสมอยู่คงค้างอยู่จำนวน 210 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งวงเงินนั้นใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่จำนวนนักลงทุนที่ออกไปลงทุนต่างประเทศนั้นมีการเพิ่มขึ้น 10% จาก 500 ราย เป็น 550-560 คน ขณะที่กองทุนรวมณ เดือนกุมภาพันธ์ ก.ล.ต.ได้อนุมัติวงเงินไปจำนวน 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ลงทุน จริง 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากมองเห็นโอกานในการลงทุน และเป็นการลงทุนต่อ จากเดิมที่มีการลงทุนอยู่แล้ว โดยลงทุนในเกาหลีใต้เป็นอันดับ 1 ประมาณ 29% ของเงินที่ไปลงทุนทั้งหมด

"ในส่วนของนักลงทุนบุคคลที่ออกไปลงทุนผ่านบล.และไพรเวทฟันด์ ก.ล.ต.จัดสรรวงเงิน 236 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีลงทุนจริงและมียอดสะสมค้างอยู่ที่ 210 ล้านเหรีญสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมามีนักลงทุนออกไปลทุนแล้วและมีการคืนวงเงินมาแล้ว "นางดวงมน กล่าว

สำหรับการที่จะมีการเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์อาเซียน (ASEAN Trading Link)ซึ่ง ตลาดหุ้นไทยจะมีการเชื่อมโยงในเดือนสิงหาคม นี้ เชื่อว่า จะทำให้นักลงทุนมีการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จากที่มีการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นในอาเซี่ยนมากขึ้น โดยส่วนตัวมองว่าการไปลงทุนของนักลงทุนบุคคลผ่านบล.อาจจะยังไม่มากนัก แต่เชื่อว่าจะมีลักษณะการลงทุนผ่านกองทุน มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสของกองทุนที่จะมีการทำการตลาดมากขึ้น เพราะ นักลงทุนบุคคลไทยอาจจะยังไม่ชำนาญการลงทุนและยังไม่ทราบว่าจะต้องกระจายการลงทุนในพอร์ตอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น