“บ้านปู” เผยกองทุนต่างประเทศขายหุ้น นำเงินเบนลงทุนหุ้นกลุ่มอื่น ส่งผลราคาหุ้นปรับตัวลดลง เหตุราคาถ่านหินตก ด้าน “ผู้บริหาร” เชื่อหากบริษัทบริหารจัดการฐานะการเงินแกร่ง เชื่อนักลงทุนเล่นลงทุนระยะยาวจะหันมาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเช่นเคย คาดราคาเฉลี่ยถ่านหินปีนี้ตามคาดประเมินไว้สูงกว่าปีก่อนที่ 97 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า กองทุนต่างประเทศได้มีการขายหุ้นของบริษัทออกมา ทำให้การถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศปัจจุบันต่ำกว่า 50% จากก่อนหน้านี้ที่ถือหุ้นมากกว่า 50% เนื่องจาก ผลกระทบทางด้านจิตวิทยากรณีมีข่าวเรื่องผู้ซื้อถ่านหินในประเทศจีนผิดนัดชำระค่าถ่านหิน ข่าวนี้ได้สร้างความกังวลให้แก่ผู้ลงทุน เพราะเกรงว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบธุรกิจถ่านหินทั้งหมด และจะเป็นผลพวงต่อเนื่องในระยะยาว จนทำให้ราคาหุ้นของบริษัทถ่านหินทั่วไป รวมถึงบ้านปู ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ราคาถ่านหินได้ปรับตัวลดลง ยังเป็นผลจากสหรัฐอเมริกานำถ่านหินออกมาขายในตลาดโลก โดยเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ และขายในราคาถูก รวมถึงสถานการณ์วิกฤตหนี้ยุโรปที่มีผลกระทบมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่มากนัก กระทบต่อปริมาณการใช้สินค้ากลุ่มโภคภัณฑ์ลดลง ขณะประเมินปริมาณถ่านหินออกมาก จึงได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มการลงทุนไปหากลุ่มธุรกิจอื่นที่มีทิศทางการขยายตัวที่สูงกว่า เช่น พาณิชย์ สื่อสาร เป็นต้น ดังนั้น จึงทำให้ราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับตัวลดลง จากปัจจัยลบภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้
สำหรับสิ่งที่บริษัททำได้คือ การบริหารจัดการภายในให้ดี ในเรื่องดูแลเรื่องฐานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง เรื่องการจ่ายหนี้ การจ่ายเงินปันผล การจัดสรรเงินลงทุนในการขยายการผลิต เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่า แม้ราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลงบริษัทมีการบริหารจัดการฐานะทางการเงินได้ดีไม่มีปัญหา โดยเชื่อว่าเมื่อนักลงทุนเห็นว่าบริษัทมีฐานะดี นักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวก็จะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม ( EBITDA) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท หรือ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“ปัจจัยภายนอกเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ที่เราทำได้คือบริหารจัดการฐานการเงินให้ไม่มีปัญหา บริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำ รักษาาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 48% และรักษากระแสเงินสด เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ถือหุ้นว่า บริษัทสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้รวมถึงสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอทุกปี และจ่ายชำระคืนหนี้ได้ไม่มีปัญหา ส่วนการผิดนัดชำระดังกล่าวเกิดขึ้นในตลาดถ่านหินคุณภาพในระดับต่ำ ซึ่งเป็นคนละกลุ่มตลาดกับบ้านปู และยืนยันว่า ในส่วนของลูกค้าของบ้านปูไม่มีการผิดนัดชำระแต่อย่างใด” นางสมฤดีกล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงนั้นเชื่อว่าเป็นระยะสั้น และบริษัทได้มีการติดตามราคาอย่างใกล้ชิด โดยจะมีพิจารณาขายถ่านหินล่วงหน้าสำหรับปี 56 ว่าจังหวะใดเหมาะสมที่จะขาย ซึ่งปกติบริษัทจะพิจารณาในการขายล่วงหน้าช่วงครึ่งปีหลังของปี คาดว่าปีนี้จะขายล่วงหน้าต่ำกว่า 50% แต่ขึ้นอยู่ว่าราคาถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังด้วยจะเป็นมีทิศทางเช่นใด เพื่อจะขายถ่านหินใราคาที่เหมาะสม
นางสมฤดีกล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปี 55 จะเป็นไปตามคาดการณ์ โดยสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 97 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 70% ส่วนที่เหลือกว่า 20% นั้นอาจได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินอ่อนตัวบ้างในขณะนี้
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า กองทุนต่างประเทศได้มีการขายหุ้นของบริษัทออกมา ทำให้การถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศปัจจุบันต่ำกว่า 50% จากก่อนหน้านี้ที่ถือหุ้นมากกว่า 50% เนื่องจาก ผลกระทบทางด้านจิตวิทยากรณีมีข่าวเรื่องผู้ซื้อถ่านหินในประเทศจีนผิดนัดชำระค่าถ่านหิน ข่าวนี้ได้สร้างความกังวลให้แก่ผู้ลงทุน เพราะเกรงว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบธุรกิจถ่านหินทั้งหมด และจะเป็นผลพวงต่อเนื่องในระยะยาว จนทำให้ราคาหุ้นของบริษัทถ่านหินทั่วไป รวมถึงบ้านปู ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ราคาถ่านหินได้ปรับตัวลดลง ยังเป็นผลจากสหรัฐอเมริกานำถ่านหินออกมาขายในตลาดโลก โดยเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ และขายในราคาถูก รวมถึงสถานการณ์วิกฤตหนี้ยุโรปที่มีผลกระทบมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่มากนัก กระทบต่อปริมาณการใช้สินค้ากลุ่มโภคภัณฑ์ลดลง ขณะประเมินปริมาณถ่านหินออกมาก จึงได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มการลงทุนไปหากลุ่มธุรกิจอื่นที่มีทิศทางการขยายตัวที่สูงกว่า เช่น พาณิชย์ สื่อสาร เป็นต้น ดังนั้น จึงทำให้ราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับตัวลดลง จากปัจจัยลบภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้
สำหรับสิ่งที่บริษัททำได้คือ การบริหารจัดการภายในให้ดี ในเรื่องดูแลเรื่องฐานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง เรื่องการจ่ายหนี้ การจ่ายเงินปันผล การจัดสรรเงินลงทุนในการขยายการผลิต เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่า แม้ราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลงบริษัทมีการบริหารจัดการฐานะทางการเงินได้ดีไม่มีปัญหา โดยเชื่อว่าเมื่อนักลงทุนเห็นว่าบริษัทมีฐานะดี นักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวก็จะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม ( EBITDA) ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท หรือ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“ปัจจัยภายนอกเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ที่เราทำได้คือบริหารจัดการฐานการเงินให้ไม่มีปัญหา บริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำ รักษาาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 48% และรักษากระแสเงินสด เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ถือหุ้นว่า บริษัทสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้รวมถึงสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอทุกปี และจ่ายชำระคืนหนี้ได้ไม่มีปัญหา ส่วนการผิดนัดชำระดังกล่าวเกิดขึ้นในตลาดถ่านหินคุณภาพในระดับต่ำ ซึ่งเป็นคนละกลุ่มตลาดกับบ้านปู และยืนยันว่า ในส่วนของลูกค้าของบ้านปูไม่มีการผิดนัดชำระแต่อย่างใด” นางสมฤดีกล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงนั้นเชื่อว่าเป็นระยะสั้น และบริษัทได้มีการติดตามราคาอย่างใกล้ชิด โดยจะมีพิจารณาขายถ่านหินล่วงหน้าสำหรับปี 56 ว่าจังหวะใดเหมาะสมที่จะขาย ซึ่งปกติบริษัทจะพิจารณาในการขายล่วงหน้าช่วงครึ่งปีหลังของปี คาดว่าปีนี้จะขายล่วงหน้าต่ำกว่า 50% แต่ขึ้นอยู่ว่าราคาถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังด้วยจะเป็นมีทิศทางเช่นใด เพื่อจะขายถ่านหินใราคาที่เหมาะสม
นางสมฤดีกล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปี 55 จะเป็นไปตามคาดการณ์ โดยสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 97 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 70% ส่วนที่เหลือกว่า 20% นั้นอาจได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินอ่อนตัวบ้างในขณะนี้