xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนมาตรการ QE3 เงินไหลเข้ายาวนานอาจเกิดฟองสบู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยเม็ดเงินต่างชาติเตรียมไหลเข้าตลาดหุ้น-บอนด์ภูมิภาคเอเชีย หลังเฟดออกมาตการ QE3 พร้อมเตือนหากเงินไหลเข้าจำนวนมากติดต่อกันนานอาจส่งผลกระทบเกิดฟองสบู่ได้

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีการออกมาตรการ QE3 ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ราคาทองคำ และ น้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากคลายความกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา จากมีการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ จะส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในแถบเอเชีย จากที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี จากที่รัฐบาลทุกประเทศมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกบี้ยนั้นสูงกว่าดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศได้มีการซื้อตราสารหนี้ของไทยเดือนละ 7-8 หมื่นล้านบาท ทำให้ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ มียอดซื้อสุทธิ 6.66 แสนล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับทั้งปี 2554 ที่ 6.96 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากมีเม็ดเงินไหลเข้ามามาก และต่อเนื่องนานๆ นั้น อาจจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ควร โดยจะทำให้อาจเกิดฟองสบู่ได้ และหากมีการเปลี่ยนแปลงภายใน มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ก็จะมีผลกระทบทำให้เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าออกเร็ว จากที่เม็ดเงินสภาพคล่องของโลกมีจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงมากขึ้น รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์

“การออก QE3 ครั้งนี้ได้มีเป้าหมายว่าจะมีการนำเงินเข้าไปซื้อตราสารที่มีสินเชื่อเคหะเป็นหลักประกันเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาทรงตัว และแก้ไขปัญหาการว่างงาน เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นกลุ่มที่มีการจ้างงานจำนวนมาก หากภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นก็จะทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น และแม้จะมีการออกมาตรการทางการเงินแล้ว นักลงทุนจะต้องติดตามว่าทางเฟดจะมีการต่อมาตรการทางการคลังหรือไม่ เช่น มาตรการทางภาษีต่างๆ ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ โดยหากไม่มีการต่อมาตรการภาษีแล้วเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตไม่ได้ แม้จะมีการออก QE3” นายวิรไทยกล่าว

นายวิรไทย กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงตั้งปีถึงสิ้นเดือนสิงหาคม2555 ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.72% โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาค และอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ไทย สูงเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอยู่ที่ 3.75% และ ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 2.30% โดยจากการที่ตลาดหุ้นไทยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงนั้น ก็จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุน เพราะการที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงนั้นเป็นการสะท้อนว่าบริษัทมีการทำกำไรที่ดี และมีฐานะทางการเงินดี


กำลังโหลดความคิดเห็น