กนง.เตรียมปรับลดจีดีพี และอัตราขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ลง หลังวิกฤติหนี้ยุโรปส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยมากขึ้น
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือนสิงหาคม 2555 ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้า และการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกหดตัวมากขึ้น โดยส่งออกหดตัวร้อยละ 5.1 ตามการหดตัวของการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ที่หดตัวร้อยละ 14.5 และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวร้อยละ 28.8 ตามปริมาณการส่งออกข้าว เนื่องจากราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง และราคายางพาราที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
สำหรับการส่งออกที่หดตัว ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวร้อยละ 11.3 จากระยะเดียวกันของปีก่อน จากการหดตัวของการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก โดยการผลิตในอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 มีการหดตัวร้อยละ 28.1 ขณะที่อุตสาหกรรมที่ผลิตทั้งเพื่อขายในประเทศ และเพื่อส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ดี ตามการผลิตรถยนต์เพื่อเร่งส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งช่วยให้การบริโภคยังขยายตัวร้อยละ 4.1
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรปต่อการส่งออกไทยมีเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 17 ตุลาคมนี้ จะมีการปรับลดอัตราการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ลง จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 7 รวมทั้งจะปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ด้วย จากที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5.7 แต่ยอมรับว่าการขยายตัวของการส่งออกไทยจะพึ่งพิงการนำเข้าด้วย เมื่อส่งออกลดลง การนำเข้าก็จะลดลงด้วย ดังนั้น ผลลบต่อจีดีพีจึงไม่น่าจะมีมากเท่ากับการส่งออกลดลงอย่างเดียว แต่การนำเข้าที่ลดลงก็จะมีผลต่อการส่งออกในอนาคตด้วย
นายเมธี กล่าวด้วยว่า ตามปกติในช่วงปลายปีจะมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามา เพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ก็จะทำให้การส่งออกกระเตื้องขึ้น โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณในเดือนกันยายน และตุลาคม แต่ปีนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นไปตามปกติหรือไม่ ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง
