ธปท. ยอมรับปัญหาหนี้ยุโรปกระทบ ศก.ไทย ต้องมีการติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเทศคู่ค้า แบงก์คาดส่งออกต่ำกว่า 10% เงินบาทส่อผันผวนหนัก นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แนะจับตากลุ่มเจ้าหนี้ Troika ตัดสินชะตา ศก.ยุโรป 1-2 เดือนนี้ อาจส่งผลสะเทือนตลาดเงินทั่วโลก
นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาพรวมผลกระทบเศรษฐกิจไทย โดยยอมรับว่า ภาวะการส่งออกไทย และเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลงค่อนข้างมาก เป็นไปในทิศทางที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินมาตลอด ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุในการปรับประมาณการอัตราขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ ลงมาอยู่ที่ 5.7% จาก 6% ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน นายทรงธรรม ยังได้ยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าของไทย ดังนั้น ธปท. จึงต้องมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดทุกวัน
ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐในระยะนี้ ยังคงแกว่งตัวเชิงผันผวนในช่วง 30-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนยังขาดความมั่นใจต่อปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ภาระอัตราดอกเบี้ยของสเปน และอิตาลีที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับ ยังมีความเสี่ยงที่กรีซจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในงวดต่อไป โดยกลุ่มเจ้าหนี้ Troika จะตัดสินใจในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งกระทบเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ อาจแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงปี 2556 เช่นเดียวกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค
ขณะที่การส่งออกเป็นความเสี่ยงหลักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ซึ่งมีทิศทางชะลอตัวลงตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 และมีสัญญาณว่า จะชะลอตัวต่อไป เนื่องจากดัชนีการสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของต่างประเทศยังหดตัว และปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปอาจทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้เพียง 10% เท่านั้น และต้องติดตามผลกระทบของการส่งออกต่อการจ้างงาน เนื่องจากจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การใช้จ่ายในประเทศของไทยอ่อนแรงลงได้ ด้านเงินเฟ้อทั่วไปจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.2-3.7% ต่อปี และคาดว่า ธปท. ยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.00% จนถึงสิ้นปีนี้
