xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จี้ “ปู” ปรามแดง แนะเคารพคำพิพากษา จวก “ปลอด” ปกปิด TOR แก้ท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“หัวหน้าประชาธิปัตย์” จวกโจกแดงจ่อเคลื่อนไหวหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นลบใช้ไม่ได้ แต่เชื่อตุลาการไม่หวั่นไหว ตรงไปตรงมา จี้นายกฯ แสดงบทบาทผู้นำปรามก๊วน แนะยุติแก้ รธน.-กฎหมายปรองดอง เพื่อพาเศรษฐกิจเดินหน้า ซัดปมขัดแย้งฝีมือรัฐล้วนๆ วอนสร้างค่านิยมเคารพคำพิพากษา ชี้รัฐให้ทีโออาร์เอกชนจัดการน้ำท่วมขาดรายละเอียด ห่วงเกิดปัญหา จวก “ปลอด” ปกปิดเอกสารทำไม่ถูก


วันนี้ (11 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำเสื้อแดงออกมาระบุว่าจะมีการเคลื่อนไหวหากผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นลบต่อรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ เพราะหากต่อไปนี้ใช้วิธีว่าศาลตัดสินใจไม่ถูกใจแล้วก็จะออกมาเคลื่อนไหวเท่ากับเป็นการพยายามกดดันศาล แต่ตนเชื่อศาลไม่หวั่นไหว และเท่ากับว่าเราไม่มีกติกาแล้ว ไม่ต้องเคารพกติกาใดๆ ทั้งสิ้นว่าขอบเขตอำนาจของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร ทั้งนี้ อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงบทบาทในฐานะเป็นผู้นำประเทศในการปรามผู้สนับสนุนและแสดงออกให้ชัดเจนว่าจะเป็นรัฐบาลที่เคารพกฎหมาย เคารพศาล การที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวภายใต้กรอบกฎหมายและต่อสู้ด้วยสันติวิธีนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ตนคิดว่าต้องส่งสัญญาณไปยังผู้สนับสนุนด้วย เพราะที่ผ่านมาหลายครั้งการชุมนุมของคนกลุ่มนี้เกินเลยขอบเขตของกฎหมาย จากนั้นก็มาอ้างว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง

“ที่ผ่านมายังไม่เห็นความจริงจังของรัฐบาลหรือนายกฯที่จะปรามสิ่งเหล่านี้ เมื่อนายกฯ อ้างว่าจะต้องพัฒนาเศรษฐกิจ เมื่อไหร่นายกฯ จะก้าวพ้นผลประโยชน์ของพี่ชาย และวางเรื่องที่เพิ่มปัญหาในสังคม ถ้าอยากให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้โดยไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาซ้ำเติมก็ต้องยุติเรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายล้างผิด ยุติการพยายามปลุกระดมเคลื่อนไหวสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งเสียเอง อย่าลืมว่าความขัดแย้งทั้งหมดที่เกิดหลังการเลือกตั้งมาจากการกระทำของรัฐบาลทั้งนั้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ยังเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าภาคธุรกิจเองก็จับตามองการตัดสินในวันที่ 13 ก.ค.นี้ และมีบางฝ่ายเอาเรื่องผลประทบด้านเศรษฐกิจมากดดันศาลก็ตาม ซึ่งตนเห็นว่าทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสร้างค่านิยมว่าคนไทยต้องเคารพศาล เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่คำตัดสินของศาลจะเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวเตือนรัฐบาลว่ากรณีให้บริษัทเอกชนมารับทีโออาร์เพื่อเสนอโครงการบริหารจัดการน้ำในวงเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท จำนวน 3 แสนล้านบาท โดยขาดรายละเอียดที่ชัดเจนของโครงการ ทั้งนี้ มีความเป็นห่วงว่าจะสร้างปัญหาตามมาในอนาคต ทั้งเรื่องข้อกฎหมาย และความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลจะมุ่งเพียงแค่ให้มีการเร่งรัดใช้จ่ายเงินและการประมูลงานเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะหลายโครงการยังไม่มีความพร้อมเพราะไม่ผ่านขั้นตอนอีกหลายอย่างตามกฎหมาย รวมถึงประชาชนในพื้นที่ก็ไม่รับทราบรายละเอียดโครงการว่าเป็นอย่างไร หากมีการดึงภาคเอกชนเข้ามาโดยเฉพาะเอกชนต่างประเทศ ต่อไปหากโครงการมีปัญหาก็จะเป็นเหมือนหลายโครงการในอดีตที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

“ทราบว่าในช่วงที่นายกรัฐมนตรีและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปต่างประเทศคงจะพูดกับหลายประเทศไว้เยอะและเชิญชวนเขาเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน เกาหลี แต่อยากให้ดูให้ดี เพราะตอนนี้รัฐบาลจะใช้วิธียกเว้นระเบียบทุกอย่างเพื่อที่จะมุ่งให้มีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการที่มีมูลค่าสูงๆ โดยเร็ว ทั้งที่ตัวงานและโครงการยังไม่ชัดเจน ถ้าทำแบบนี้แล้วเกิดปัญหาข้อกฎหมายตามมาในภายหลังจะยิ่งกระทบความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ เพราะจะกลายเป็นข่าวใหญ่ว่าการมาลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทยมีความไม่แน่นอน เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องทำทุกขั้นตอนให้โปร่งใสเสียก่อน ด้วยการระบุให้ชัดว่าที่กำลังเชิญชวนให้คนเข้ามาลงทุนคือโครงการอะไร อย่างไร ผ่านขั้นตอนตามกฎหมายหรือยัง หรืออยู่ในระหว่างขั้นตอนไหน เพราะขณะนี้รายละเอียดของเงื่อนไขที่จะเชิญชวนคนมาประมูลก็ไม่ชัดเจน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการระบุถึงเขื่อนแม่วงก์ และแก่งเสือเต้น ไว้ในโครงการที่จะมีการประมูลของรัฐบาลทั้งที่เดิมมีไม่ผ่านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ด้วยว่า จนถึงขณะนี้ไม่มีใครทราบรายละเอียดว่ามีการปรับโครงการอย่างไรหรือไม่ หรือเอกชนจะต้องเข้ามาตั้งต้นในเรื่องขั้นตอนการศึกษาใหม่ทั้งหมด รัฐบาลต้องชัดเจนเพราะประชาชนคนไทยมีสิทธิที่จะรู้ การที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ที่ดูแลเรื่องนี้ ปกปิดเอกสารกับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าจะแจกให้เฉพาะกับบริษัทที่สนใจจะประมูลโครงการเท่านั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะผลกระทบจะเกิดกับคนไทย รัฐบาลจะสนใจแค่ว่าได้มีโอกาสประมูลในโครงการที่มีมูลค่าสูงๆ โดยที่ระเบียบไม่มีไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้จะทำให้ยิ่งขาดความมั่นใจในการเตรียมการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม เพราะสุดท้ายคนในพื้นที่จะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าของมวลชนและความขัดแย้งในพื้นที่จะมีมากขึ้น เพราะแม้ในโครงการที่มีการเปิดเผยโปร่งใสยังต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

“ดังนั้น หากทำโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนทราบเลยก็จะยิ่งเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต คิดว่าขณะนี้รัฐบาลต้องเร่งไปดูเรื่องความถูกต้องในการเคลื่อนไหว และการปฏิบัติงานของตัวเองในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้ารัฐบาลไม่เคารพกฎหมายปัญหาทุกอย่างจะย้อนกลับมา จึงแปลกใจว่ารัฐบาลพยายามที่จะไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างที่จะให้มีการเปิดเผยราคากลาง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น