“บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ส่งบริษัทลูก “วี จี ไอ โกลบอลฯ” เข้าตลาดหุ้น คาดรับทรัพย์ร่วม 2 พันล้าน “คีรี” ยืนยันนำเงินลงททุนต่อ แต่ไม่เร่งลุยอสังหาริมทรัพย์ เหตุมองภาพวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ธุรกิจนี้มีความเสี่ยง ขอลุยธุรกิจรถไฟฟ้าเพิ่มเติม ชี้หลังจากรวมพาร์ ต่างชาติให้ความสนใจหุ้นเพิ่มขึ้น
นายมารุต อรรถไกวัลวที ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ผู้บริหารสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงเดือนตุลาคม โดยเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท 26 ล้านหุ้น (ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 274 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (BTS) จำนวน 25,074,432 หุ้น และอีก 925,568 หุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ซึ่งจะทำให้ VGI มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 400 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน BTSC ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท (99.99%) จะนำหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท จำนวน 62 ล้านหุ้น ออกมาจัดสรรเป็นหุ้นสามัญจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) แทน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนในการถือหุ้นVGI ของ BTSC ภายหลังเหลือ 70.67%
ด้าน น.ส.ศุภรานันท์ ตันวิรัช ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการเงิน VGI กล่าวว่า บริษัทจะได้เงินระดมทนจากการขายหุ้น IPO ครั้งนี้ราว 850-900 ล้านบาทเพื่อนำไปลงทุนขยายธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในงวดปี 55/56 รายได้จะเติบโตราว 40% จากงวดปี 54/55 ที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในงวดปีนี้จะเพิ่มเป็น 25% จากงวดปีก่อนอยู่ที่ระดับ 14%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/55-56 (เม.ย.-มิ.ย.55) รายได้ของ VGI เติบโต 36% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิทำได้ 25% จึงคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากยังมีงานที่คงค้างจากปลายปีที่แล้วที่มีปัญหาน้ำท่วม และการเติบโตของพื้นที่โฆษณาที่ขยายตัวตามจำนวนรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายพื้นที่โฆษณาในโมเดิร์นเทรดตามการขยายสาขา ขณะเดียวกัน บริษัทได้ลงทุนในจีนผ่านห้างซีพี-โลตัส ในการให้บริการเครือข่ายสื่อวิทยุตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งได้ลงทุนไปแล้วที่เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า
คาดผู้ถือหุ้น BTS ไม่จองซื้อหมด
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ หัวหน้าสายวาณิชธนกิจ กลุ่มลูกค้าบรรษัท บล.ทิสโก้ กล่าาว่า VGI จะเปิดให้ผู้ถือหุ้น BTS และ BTSC เข้าจองซื้อหุ้นของบริษัทในระหว่างวันที่ 19-25 ก.ย. นี้ และให้นักลงทุนทั่วไปเข้าจองวันที่ 28 ก.ย., 1-2 ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจะประกาศราคา IPO ได้ในวันที่ 13 ก.ย. และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในวันที่ 11 ต.ค. อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ถือหุ้นเดิมของ BTS ส่วนหนึ่งจะไม่จองซื้อเพราะเห็นว่า BTS ถือหุ้น VGI อยู่แล้ว จึงทำให้ในส่วนหุ้นที่จะขายให้นักลงทุนทั่วไปมีจำนวนเกินกว่า 62 ล้านหุ้น โดยสัดส่วนการจัดสรรแบ่งเป็นผู้มีอุปการคุณ 12 ล้านหุ้น ส่วน 50 ล้านหุ้น จะขายให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ 60% และนักลงทุนในประเทศ 40% ซึ่งVGI ต้องการให้สถาบัน หรือนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นประมาณ 10% ของทุนจดทะเบียน
อนึ่ง BTS มีต้นทุนหุ้น VGI ทั้ง 25 บาท และ 1 บาท หากสามารถขายหุ้นในราคามากกว่า 30 บาท/หุ้น และคำนวณราคาต้นทุนที่ 1 บาท/หุ้น BTS จะมีกำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 1.8-2 พันล้านบาท
บีทีเอสแตะเบรกอสังหาฯ-ลุยรถไฟฟ้า
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTS กล่าวว่า BTS คาดว่าจะรับรู้กำไรจากขายหุ้น VGI ทันทีหลังเข้าเทรดในตลาด ส่วนภาพรวมธุรกิจของบีทีเอส กรุ๊ป บริษัทมีรายได้จากการบริหารการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ประมาณ 70%ของรายได้ทั้งหมด ที่เหลือแบ่งเป็น VGI 26% และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยในส่วนธุกริจการเดินรถไฟฟ้า คาดว่าตู้ขบวนใหม่ที่ทยอยส่งมอบ (จำนวน 35 ตู้ขบวน) จะมาถึงประเทศไทย และเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้หมดภายในต้นปี 2556
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีพื้นที่รอการพัฒนา (แลนด์แบงก์) ที่คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 15,000 ล้านบาท แม้บริษัทจะได้รับเงินจากการขายหุ้น VGI แต่จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ทำให้มองว่าธุรกิจดังกล่าวยังมีความเสี่ยง จึงไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการอะไรกับธุรกิจนี้มากนัก โดยบริษัทรอที่จะให้สถานการณ์่ต่างๆ คลี่คลายขึ้นมากกว่านี้ และค่อยพิจารณาการลงทุนเพิ่มเติม
“แม้จะได้เงินจากการขายหุ้น VGI แต่เราก็ยังไม่รีบร้อนจะใช้ เรามีแผนที่จะใช้เงินในการลงทุนแน่ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ที่ยังมีความวุ่นวายจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เราขอรอโอกาสที่ดีที่สุดก่อน ตอนนี้เราเน้นธุรกิจอินฟราสตรักเจอร์ อย่างรถไฟฟ้า ซึ่งเมื่อ รฟม.เปิดประมูลสัมปทานผู้บริหารรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ทางเราก็พร้อมที่จะเข้าร่วม เช่นเดียวกับการเข้ารับบริหารรถไฟฟ้าในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม หรือมาเก๊า ตอนนี้เราก็พร้อม แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความพร้อมของโครงการของพวกเขา”
ขณะเดียวกัน ผู้บริหารใหญ่แห่งเครือ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง ยอมรับว่า หลังจากที่มีการรวมพาร์ของหุ้น BTS ทำให้ตอนนี้หุ้นของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น เห็นได้จากวอลุ่มเทรดก่อนหน้านี้อยู่ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หุ้นมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นถึง 650 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 20 ล้านเหรียญ