นักวิชาการ-เอกชน เปิดเวทีชำแหละ “จีดีพี” ปี 55 โตไม่เกิน 5% โดยมีปัจจัยเสี่ยงครึ่งปีหลัง ทั้งจากภาคการส่งออก ความผันผวนค่าเงิน ราคาน้ำมัน และภัยธรรมชาติ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดเสวนา เกาะติดเศรษฐกิจไทยครึ่งหลัง ปี2555 เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจรับทราบข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2555 และแนวโน้มปี 2556
นายศุภวัฒน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2555 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภายหลังวิกฤตอุทกภัยเมื่อปี 2554 โดยเฉพาะภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย ต่างเร่งฟื้นฟูจนสามารถกลับมาผลิตได้เป็นปกติ แสดงถึงพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยว่ามีความแข็งแกร่ง แต่ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 คือ ปัญหาหนี้ยุโรป อาจส่งผลต่อภาคการส่งออกสินค้าไทยไปยังยุโรป รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินมีความผันผวน ราคาน้ำมันอาจไม่คงที่ อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วมว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
ขณะที่นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) แสดงปาฐกถาในหัวข้อ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ความพร้อม และโอกาสของเศรษฐกิจไทย ว่า อานิสงส์จากความร่วมมือไทยกับอาเซียน และเอเชีย จะทำให้เศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวได้ดีพอสมควร อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 5 และการส่งออกจะขยายตัวไม่เกินร้อยละ 7 จากการฟื้นตัวภาคอุตสาหกรรม รองรับกำลังซื้อของประเทศเพื่อนบ้านที่ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจากนี้ไปจะไม่ปรับขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัญหาหนี้ในยุโรป และปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เนื่องจากคาดว่า ต้องใช้เวลาอีกระยะในการแก้ปัญหา และถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย เพราะกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนจากเงินทุนไหลเข้า รวมทั้งปัจจัยราคาน้ำมันที่อาจปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี เพราะได้รับแรงกดดันจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และอิหร่านด้วย
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6.7-7 เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการได้รับผลกระทบจากวิกฤตยูโรโซนที่ยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ทำให้ภาคส่งออกของไทยขยายตัวได้เพียงร้อยละ 7-8 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังที่ระดับดังกล่าว อยู่บนสมมติฐานที่ไม่เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง และปัญหายูโรโซนไม่ลุกลาม จนถึงขั้นที่มีประเทศสมาชิกถอนตัวออกจากกลุ่ม ส่วนทั้งปี 2555 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 5-5.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ แต่หากปัญหาวิกฤตยูโรโซนลุกลามจนถึงขั้นประเทศสมาชิกถอนตัวออกจากกลุ่ม ค่าเงินยูโรจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้ขยายตัวเพียงร้อยละ 3
นายกรกฎ ผดุงจิตต์ รองเลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมไทยครึ่งหลังของปี 2555 โดยมองว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ จะมีการส่งออกไปยังต่างประเทศได้ลดลง จากภาวะเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯ และยุโรปที่ชะลอตัว รวมทั้งการแข่งขันด้านเทคโนโลยีใหม่ที่มีแนวโน้มเข้มข้นขึ้น ดังนั้น ในระยะยาว ภาครัฐควรเตรียมความพร้อม เร่งปรับตัว และพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนให้ได้