ภาคเอกชนประสานเสียงนายกฯ “จีดีพี” ปี 55 โตได้ 5% “บิ๊กไฝ” ชี้ ความเชื่อมั่นจากภาครัฐ เป็นปัจจัยหลักหนุน ศก.ฟื้น พร้อมแนะ “รบ.ปู” ต้องกล้าตัดสินใจปรับขึ้น “แอลพีจี-เอ็นจีวี” แบบขั้นบันได เพื่อดึงเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เตือนหากอุดหนุนต่ออีก 5 ปี อาจเป็นทุนระเบิดใหญ่ ต้องหาเงินมาชดเชยสูงถึง 8 แสนล้าน “บิ๊กอสังหาฯ” แนะปรับผังเมือง กทม.ใหม่ เร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์ หนุนใช้ ดบ.ต่ำ ถูกทาง แนะทีมจัดการน้ำ ต้องมีเอกภาพ-เลิกขัดแย้ง พร้อมเสริมมืออาชีพในทีม ศก.“ส.อ.ท.” กระทุ้งผลงานต้องเป็นรูปธรรม
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวระหว่างงานสัมมนา “ถอดรหัส GDP ปี 55” โดยมองว่า การขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ประชาชน เพราะถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมื่อเอกชนมีความเชื่อมั่นจะลงทุนเพิ่มเกิดการบริโภคของเอกชนและประชาชนตามมา แต่หากไม่เกิดความเชื่อมั่น
ดังนั้น จีดีพีของประเทศขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นต้องมาก่อน และหากรัฐบาลสามารถผลักดันให้จีดีพีขยายตัวได้ร้อยละ 5 ตามเป้าหมายถือว่าประสบความสำเร็จ ผ่านการอัดฉีดเงินไปสร้างโครงการต่างๆ ป้องกันน้ำท่วม 350,000 ล้านบาท ในระยะปานกลาง และเร่งทำให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งเส้นทางคมนาคมขนส่ง ระบบราง รถไฟความเร็วสูง การสร้างเขื่อน คันกั้นน้ำ ท่าเรือน้ำลึก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยในอนาคต วงเงิน 2.27 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ หากไทยยังไม่เร่งปรับโฉมโครงสร้างพื้นฐาน ต่างชาติจะหนีไปลงทุนประเทศอื่น รัฐบาลจึงต้องมีแนวทางบริหารจัดการน้ำให้ชัดเจน แต่ลำบากใจประเทศไทย แม้ไม่มีภัยธรรมชาติก็ขัดแย้งกันเอง สิ่งเหล่านี้ต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่น
นอกจากนี้ นายประเสริฐ ยังมองว่า รัฐบาลกล้าตัดสินในปรับโครงสร้างราคาพลัง ด้วยการยอมให้ปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และเชื้อเพลิงธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ดึงเงินเข้ากองทุนน้ำมันแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากยังช่วยเหลืออุดหนุนต่อไปเพียง 5 ปี จะเป็นทุ่นระเบิดให้รัฐบาลต้องหาเงินมาชดเชยความเสียหายประมาณ 800,000 ล้านบาท แต่หากหันมาปรับเพิ่มให้สะท้อนกลไกตลาดจะนำเงินดังกล่าวมาสร้างโครงการพื้นฐานได้หลายโครงการ
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แม้จะมีปัญหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา แต่การสร้างที่อยู่อาศัยยังเดินหน้าต่อไป เพื่อส่งมอบงานให้เสร็จประมาณ 85,000 ยูนิต และขณะนี้อสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดเติบโตสูงมาก โดยผู้ประกอบการหันไปสร้างบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต อุดรธานี นครราชสีมา ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 ยังเติบโตมากกว่าปี 2554 ประมาณร้อยละ 5 แม้ช่วงแรกยอดซื้อบ้านจะลดลงไปบ้าง แต่ในช่วงไตรมาส 3-4 แรงซื้อจะกลับเข้ามา แต่จากปัจจัยราคาน้ำมันแพง ค่าแรงเพิ่มขึ้น ต้นทุนขนส่งเพิ่ม ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่ม ส่งผลราคาอสังหาริมทรัพย์จะปรับเพิ่มประมาณร้อยละ 5-10 ในไตรมาส 3
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือ การปรับผังเมือง กทม.ใหม่ ให้ได้ข้อสรุป การเร่งเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ เพื่อให้เงินลงทุนภาครัฐส่งผลไปยังสาขาอื่นให้ฟื้นตัว การเตรียมศูนย์บริหารจัดการน้ำเพียงแห่งเดียว เพื่อไม่ให้เกิดการขัดแย้ง การดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นเศรษฐกิจ ทีมเศรษฐกิจต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน มองว่าหากทุกฝ่ายร่วมใจกันจะมีความสำคัญมากกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการเริ่มกับมาผลิตสินค้าแล้วร้อยละ 80-90 หลังประสบปัญหาน้ำท่วมช่วงที่ผ่านมา นับว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะเริ่มมีออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้าเข้ามากขึ้น และเมื่อรัฐบาลได้มีแนวทางป้องกันน้ำท่วมผ่านโครงการต่างๆ แล้ว ขั้นต่อไปอยู่ที่การเร่งโครงการให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม รวมถึงปัญหาการเมืองมักทำให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลง หากรัฐบาลผลักดันเศรษฐกิจหลังเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ร้อยละ 5 ตามเป้าหมายถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ และการลงทุน