xs
xsm
sm
md
lg

KKFUNDตั้งเป้าปีมังกรโต55% ลุยฐานลูกค้าก่อนเกษียณและนีซมาเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ. เกียรตินาคิน ตั้งเป้าAUM ปี 55 โต 55.35% หรือ 30,894 ล้านบาท เร่งออกกองทุนใหม่เพิ่มอีก 29 กองทุน พร้อมเพิ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลเข้ามาเสริม เตรียมเจาะกลุ่มรุกฐานลูกค้าก่อนวัยเกษียณและกลุ่ม Niche Market เป็นหลัก

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด หรือ KKFund กล่าวว่า ในปี 2555 นี้เราตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 55.35% หรือ 30,894 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2554 เรามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือ AUM อยู่ที่ 19,886 ล้านบาท ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูในปี 2553 พบว่า AUM อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า AUM เราลดลงไปมากเนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของธนาคารนครหลวงไทยเป็น ธนาคารเกียรตินาคินและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข.เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งในช่วงเวลาที่กำลังสรรหาผู้บริหาร ทีมงานผู้จัดการกองทุน นั้นมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลออกไปยังที่อื่น

ทั้งนี้หลังจากมีการจัดตั้งบลจ. เกียรตินาคิน ขึ้นมาโดยมีธนาคารเกียรตินาคิน และ กบข. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งเรามองว่าการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่มีความแข็งแกร่งนั้นเป็นข้อดีส่งผลให้บลจ.เกียรตินาคินมีโอกาสขยายฐานลูกค้าไปทั้งในกลุ่มข้อราชการทั่วประเทศ รวมถึงลูกค้าธนาคารเกียรตินาคินไม่ว่าจะป็นลูกค้าระดับบนผ่านบริการธนบดีธนกิจ หรือ Wealth Management รวมถึงลูกค้ากลุ่มขนาดกลางและผู้ประกอบการรายเล็กอีกด้วย

นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ในด้านสถาบันทางการเงิน รวมถึงฐานนะความมั่นคงของบริษัทในฐานที่กบข.เป็นหน่วยงานที่ได้รับบริการด้านการเงินที่แข็งแกร่งของภาครัฐ รวมถึงได้ให้การสนับสนุนและขอความร่วมมือจากกบข.ในการจัดงานด้านการเงิน การออกบูธ และการจัดงานสัมนาเพื่อให้ความรู้แสดงทิศทางและมุมมองด้านการเงินการลงทุน รวมถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจ

"เราตั้งเป้าทาร์เก็ตลูกค้าของบลจ.เกียรตินาคิน ไว้ที่กลุ่มลูกค้าก่อนเกษียณ ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าแนวโน้มประชากรในวัยสูงอายุมีมากขึ้นสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการดูแลประชากรในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น และเราจะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าประเภท Niche Market อีกด้วย"นายศุภกร กล่าว

สำหรับเเผนการออกกองทุนในปีนี้นั้นเราตั้งเป้าออกโปรดักส์ประมาณ 29 กองทุน มูลค่ากว่า 13,030 ล้านบาทซึ่งในส่วนี้จะเพิ่มกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เข้ามาเพื่อมาเติมเต็มธุรกิจของเราอีกด้วย อย่างไรก็ตามการวางแผนออกผลิตภัณฑ์ให้ครบประเภทไว้นั้นเพื่อรองรับ Innovation Plan นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับนักลงทุน

โดยทีมบริหารกองทุนยังได้เร่งสร้างผลงานให้ติดอันดับในตารางการจัดอันดับผลการดำเนินงานกองทุนในทุกประเภทกองทุน ทำให้นักลงทุนรู้จักและไว้วางใจลงทุนกับเรามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกองทุน KK Active Equity Fund (กองทุนเปิดลงทุนในหุ้น ที่มีนโยบายการบริหารแบบแอคทีฟ) ที่มีการประกาศจ่ายเงินไปปันผลไปถึง 2 รอบจากการเปิดบริหารกองทุนเพียง 2 เดือน และการออกกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กองแรกและกองเดียว ซึ่งถือเป็นมุมมองที่แตกต่างเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนอีกด้วย

นายศุภกร กล่าวต่อว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้นั้นเรามองว่า GDP จะอยู่ที่ 2.8-4.5% โดยส่วนใหญ่จะได้รับผลดีมากจากการฟื้นตัวของทุกภาคส่วนจากภาวะวิกฤติน้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา การออกนโยบายและมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.เริ่มดำเนินนโยบายดอกเบี้ยขาลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก โดยเรามองว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ที่ 3.01% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 2.50-2.75% โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในกระประชุมกนง.ในเดือนมีนาคม

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของประเทศต่างๆทั่วโลกจากภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลง โดยเฉพาะในยุโรปที่ยังไม่สามารถสร้างความชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้ ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้นเรามองยังมีความผันผวนอยู่เช่นกัน โดยกรอบดัชนีหุ้นของปีนี้เรามองไว้ที่ 1,213-1264 จุด

"สินทรัพย์ที่น่าสนใจในปีนี้คือหุ้น ทองคำ และ ซอฟท์คอมมอนีตี โดยเฉพาะสินค้าซอฟท์คอมมอนีตีที่จะได้รับอานิสงค์จากการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของจีน นอจากนี้เราได้มีการนำการบริหารกองทุนด้วยคอมพิมเตอร์ในลักษณะของ Quant มาใช้ในกระบวนการลงทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน” นายศุภกรกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น