xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดบอนด์พร้อม ทุนนอกจ่อบุกไทย-เตรียมปรับสัดส่วนระหว่างรัฐ-เอกชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สบน.เผยทุนต่างชาติพร้อมวิ่งเข้าไทยหลัง S&P จ่อปรับเรตติ้ง 27 ชาติยุโรป “จักรกฤศฏิ์” ระบุ ตลาดตราสารหนี้ยังมีช่องว่างให้ต่างชาติเข้าลงทุนได้อีกมาก เตรียมปรับสัดส่วนระหว่างรัฐ-เอกชนอยู่ที่ 50% หวังสร้างความสมดุลและรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ S&P ระบุจะมีการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศนั้น จะส่งผลให้เงินทุนไหลมายังภูมิภาคเอเชียมากขึ้น เนื่องจากไม่มีตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และมีความมั่นคงเหลืออยู่มากนัก ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน

โดยตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทย ยังมีช่องว่างเหลืออีกมากสำหรับเงินลงทุนจากต่างชาติโดยในปัจจุบันสัดส่วนตราสารหนี้ที่ถือโดยนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 9% ของตราสารหนี้ทั้งหมด ยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมาอยู่ที่ระดับไม่เกิน 15% ถือเป็นสัดส่วนการถือพันธบัตรที่เหมาะสมของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากหากถือครองในอัตราส่วนที่มากกว่านี้หากมีการซื้อขายในปริมาณมากจะส่งผลต่อตลาดตราสารหนี้ได้

“ตอนนี้ตลาดไม่มีที่ไปทั้งยุโรปและสหรัฐฯ นักลงทุนไม่ค่อยอยากลงทุนนักตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงเป็นที่น่าสนใจของต่างชาติและมีช่องว่างเหลือให้ลงทุนอีก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอันดับเครดิตของตราสารนั้นๆ ด้วย และข้อจำกัดอื่นๆ ของนักลงทุนที่ต้องมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนอย่างมีความเหมาะสม” นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว

นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า สำหรับโครงสร้างการออกตราสารหนี้ของไทยในปัจจุบันนั้น บทบาทหลักยังคงเป็นของภาครัฐโดย สบน.และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ โดยมูลค่าพันธบัตรทั้งหมดเป็นการออกโดยภาครัฐถึง 75% ที่เหลือเป็นภาคเอกชนถืออีก 25% เท่านั้น ดังนั้น สบน.จะพยายามผลักดันให้สัดส่วนการออกตราสารหนี้ระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เหมาะสมที่ 50% เท่ากัน โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชนนั้นล้วนแต่มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ A ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2555 สบน.มีแผนการก่อหนี้อีก 8 แสนล้านบาท โดยรวมทั้งการชำระคืนหนี้เก่าและก่อหนี้ใหม่ แบ่งเป็นพันธบัตรอ้างอิงทุกอายุและพันธบัตรอ้างอิงอัตราเงินเฟ้อจำนวน 4 แสนล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน 1.25 แสนล้านบาท ตั๋วเงินคลัง 6.5 หมื่นล้านบาท พันธบัตรดอกเบี้ยลอยตัว 5 หมื่นล้านบาทและพันธบัตรออมทรัพย์อีก 1 แสนล้านบาท ซึ่งตลาดมีความต้องการพันธบัตรอยู่อีกในปริมาณสูง

“ความต้องการของตลาดในขณะนี้ยังมีอยู่มากโดยปริมาณพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาล 8 แสนล้านบาทนั้น มีความต้องการซื้อมากกว่าถึง 1.2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเงินจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งประกันชีวิต ประกันสังคมและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ต้องการซื้อโดยเฉพาะพันธบัตรที่มีอายุ 10 ปี 20 ปี 30 ปีและ 50 ปี โดย สบน.จะทยอยออกเพื่อตอบสนองตลาดตามความเหมาะสมต่อไป” นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น