xs
xsm
sm
md
lg

ทางยกระดับดอนเมือง เลื่อนเข้าตลาดหุ้นปีหน้า-รอ รบ.ใหม่ตัดสินใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทางยกระดับดอนเมือง เลื่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า จากเดิมคาดเข้า ก.ย.-ต.ค. เหตุ รอรัฐบาลใหม่จัดตั้ง-คลังตัดสินใจนโยบายถือหุ้น “ผู้บริหาร” เผย รายได้ปีนี้อาจสูงกว่าเป้า ที่โต 14% อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เหตุ ปริมาณรถยนต์ใช้โทลล์เวย์เพิ่มขึ้น

นายกรวุฒิ ชิวปรีชา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดแห่งประเทศไทย ว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ปีหน้า จากเดิมจะเข้าซื้อขายประมาณเดือนกันยายน หรือ เดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากขณะนี้จะต้องรอรัฐบาลใหม่จัดตั้ง และจะต้องให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่าจะนำหุ้นของบริษัทออกมาขายหรือไม่ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา

ทั้งนี้ จึงทำให้การเข้าจดทะเบียนของบริษัทล่าช้าออกไป ซึ่งในเบื้องต้นนั้นทางบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินได้มีการเตรียมข้อมูลการเข้าจดทะเบียนของบริษัทไว้แล้ว เพียงรอทางกระทรวงการคลังพิจารณาก็จะสามารถเข้าได้เลยทันที แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเผยได้ว่าจะเสนอขายหุ้นจำนวนเท่าไร

“แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯขณะนี้ดีเลย์ออกไปจากแผนเดิมที่จะเข้าเทรดประมาณ ก.ย.หรือ ต.ค.ปีนี้ เพราะต้องรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รอกระทรวงการคลังพิจารณาว่าจะมีนโยบายอย่างไรกับว่าจะนำหุ้นออกมาขายหรือไม่ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้นบริษัทอยู่25% ซึ่งเร็วสุดกระบวนการน่าจะเสร็จสันปีหนี้และคาดเข้าเทรดปีหน้า ตอนนี้เราพร้อมแล้วรอคลังพิจารณาเท่านั้น” นายกรวุฒิ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ของบริษัท คาดว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายหรืออาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากที่บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 14% หรืออยู่ที่ 1,700 ล้านบาท จากจากปี 2553 มีรายได้ 1,500 ล้านบาท เ เนื่องจากได้ประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และยอดขายรถยนต์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก และมีรถรุ่นใหม่ๆ ทำให้มีรถยนต์เพิ่มขึ้น และเข้ามาใช้บริการทางด่วนของบริษัทเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันจำนวนรถยนต์ที่ใช้โทลเวย์อยู่ที่ 6.5-7 หมื่นคันต่อวัน ทำให้คาดว่าเฉลี่ยทั้งปีนี้จะมีปริมาณรถยนต์ใช้โทลเวย์เฉลี่ยกว่า 6 หมื่นค้น จากเดิมคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 หมื่นตันต่อวัน

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของทางยกระดับดอนเมือง กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆและจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6-9 เดือน โดยคาดว่าอาจจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปีนี้ ซึ่งบริษัทจะนำประเด็นดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการในเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่า จะได้ความชัดเจนของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ช่วงเดือนเมษายนนี้

โดยขณะนี้กลุ่มพานิชชีวะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดอนเมืองโทล์ลเวย์โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 37% และไม่ต้องการที่จะลดสัดส่วนลงอีกแต่ถ้าจำเป็นก็ต้องนำกลับมาพิจารณากันอีกครั้ง
ขณะที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ในดอนเมืองโทลล์เวย์ 25% ซึ่งหนึ่งในเหตุผลของการเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯคือภาระตามสัญญาของบริษัทกับกระทรวงการคลัง

สำหรับในส่วนของสัดส่วนการกระจายหุ้นจะต้องหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินก่อนโดยบริษัทคาดว่าจะแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินภายในประเทศ และ บล.ยูบีเอสฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงินต่างประเทศเบื้องต้นประมาณการว่าจะกระจายหุ้นในสัดส่วนประมาณ 20-25% ของทุนจดทะเบียนแต่สัดส่วนหุ้นไอพีโอจะมาจากการเพิ่มทุนใหม่หรือการนำหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมมาจัดสรรอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดต่างๆ

ส่วนเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทจะนำมาลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้า หรือธุรกิจอื่นที่มีความเสี่ยงต่ำที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ เฉลี่ย 14% ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษากระบวนการลงทุนเชื่อมต่อโครงการจากทางยกระดับไปยังโครงข่ายถนน และระบบทางด่วนอื่นเพื่อเป็นเส้นทางในการกระจายการจราจรโดย ณ เวลานี้ บริษัทมีแผนการที่จะสร้างส่วนต่อขยายตอนดอนเมือง-ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-บางปะอิน ระยะทางรวม 20 กิโลเมตรพร้อมไปกับการศึกษาข้อมูลด้านปริมาณความต้องการใช้ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 2 ปี และความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนสูงถึง1,000 ล้านบาทต่อ1 กิโลเมตร อีกทั้งจะต้องใช้เวลาในการสร้างนาน 3-5 ปี

นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ ซึ่งทางบริษัทและกระทรวงการคลังมีความสนใจที่จะจัดตั้ง แต่ยังติดกฎหมายด้านภาษีและอาจจะต้องรอให้มีการแก้ไขเรื่องนี้เสียก่อนและปี2554 บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวม 1,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2553 ที่มีรายได้รวม 1,500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงกว่า 450 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าปริมาณการใช้ทางด่วนโทล์ลเวย์จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% หรือคิดเป็น 55,000 คันต่อวันจากปริมาณการใช้เฉลี่ย 50,000 คันต่อวัน

อนึ่ง ดอนเมืองโทลล์เวย์มีอายุสัมปทานจนถึงวันที่ 11 กันยายน 2577 รวมระยะเวลาคงเหลือประมาณ 25 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น