บิ๊กโทลล์เวย์ โต้ข่าวเงื่อนงำการขยายอายุสัญญาสัมปทาน มั่นใจ คมนาคม-ทางหลวง ไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ เพราะได้มีการดำเนินการตามขั้นตอน และได้รับการชดเชยอย่างถูกต้องจากภาครัฐทุกประการ ยันมีการกำหนดเงื่อนไขการฟ้องร้องมัดแน่นเอาไว้ "สุพจน์" ลั่นเดินหน้าสอบข้อเท็จจริงต่อไป แม้ทางการเยอรมันจะยอมคืนโบอิ้งให้แล้ว ส่วนการให้วางเงินค้ำ 20 ล้านยูโร กำลังเร่งหาข้อสรุป
นายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (ดอนเมืองโทลล์เวย์) กล่าวถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงคมนาคม ออกมาระบุว่า ขณะนี้กรมทางหลวงพบเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงใหม่ที่อาจจะนำไปสู่การลดอายุสัญญาสัมปทานที่จะหมดสัญญาในปี 2577 หรือยกเลิกสัญญาสัมปทานในโครงการโทลล์เวย์นั้น ตนเองเชื่อมั่นว่า กระทรวงคมนาคม หรือกรมทางหลวง ในฐานะคู่สัญญาโดยตรงกับดอนเมืองโทลล์เวย์ จะไม่สามารถดำเนินการลดอายุสัญญาที่มีอยู่เดิม หรือยกเลิกสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์ได้ เนื่องจากในช่วงที่บริษัทได้รับการขยายอายุสัญญาสัมปทาน ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอน และได้รับการชดเชยอย่างถูกต้องจากภาครัฐทุกประการ
นายสมบัติ กล่าวยืนยันว่า ดอนเมืองโทลล์เวย์ไม่คิดฟ้องร้องรัฐบาล หรือ กรมทางหลวงในฐานะผู้ให้สัญญาสัมปทานอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในช่วงที่รัฐบาลมีการพิจารณาขยายอายุสัญญาสัมปทานให้กับดอนเมืองโทลล์เวย์ และมีการลงนามในข้อตกลงร่วมกันระหว่างกรมทางหลวงว่า หากมีการขยายอายุสัญญาสัมปทานให้กับดอนเมืองโทลล์เวย์แล้ว ดอนเมืองโทลล์เวย์จะไม่สามารถมาอ้างเหตุผล ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือเงินชดเชยจากกรมทางหลวง หรือรัฐบาลไทยได้ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ ดอนเมืองโทลล์เวย์ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด ประสบปัญหาเดือดร้อนมากกว่า 10 ปี ดังนั้น การฟ้องร้องจึงไม่เกี่ยวกับดอนเมืองโทลล์เวย์แน่นอน
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า แม้ว่าทางการเยอรมนี ยอมคืนโบอิ้งแล้ว แต่การดำเนินการด้านข้อกฎหมายที่พบเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงใหม่ ที่อาจจะนำไปสู่การลดอายุสัญญาสัมปทานของบริษัททางยกระดับดอนเมือง ที่ปัจจุบันสัญญาสัมปทานจะหมดสัญญาในปี พ.ศ.2577 หรืออาจนำไปสู่การยกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการดอนเมืองโทลล์เวย์ จะยังคงเดินหน้าต่อไป
ส่วนที่ระบุว่า ต้องมีการวางเงินประกันจำนวน 20 ล้านยูโร ก่อนจึงจะสามารถนำเครื่องบินออกมาจากเยอรมนีได้นั้น ในเรื่องดังกล่าวนั้น อยู่ในขั้นตอนของรัฐบาล ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมจะหารือร่วมกันกับอัยการสูงสุดว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการอุทธรณ์ในการบังคับคดีที่ศาลนิวยอร์ก