ศาลเยอรมนีเลื่อนตัดสินคำขอถอนอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พร้อมขอเอกสารกรรมสิทธิ์เครื่องบินเพิ่ม ด้าน “อภิสิทธิ์” คาดศาลนัดพิจารณา 18 ก.ค.นี้ ยันเดินหน้าปกป้องเกียรติยศ-ชื่อเสียงไทยเต็มที่ ระบุพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาลหากคดีถึงที่สุด มั่นใจไม่กระทบความสัมพันธ์ชี้เป็นปัญหาของเอกชน
วันนี้ (16 ก.ค.) ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่บังคับคดีล้มละลายในเยอรมนี ทำการยึดโบอิ้ง 737-400 ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ตามคำฟ้องของบริษัทเอกชนเยอรมนี เพื่อบังคับประเทศไทยจ่ายหนี้พร้อมค่าปรับ อันเกิดจากการล้มละลายของบริษัทที่ร่วมทุนทำโครงการทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ที่กิจการมีปัญหานั้น
ล่าสุด นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังจากเมื่อวานนี้ ศาลเยอรมนีได้มีการไต่สวนนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และคณะ ซึ่งได้เดินทางไปร่วมรับฟังการพิจารณา พร้อมกับยื่นเอกสารต่างๆ เพื่อเป็นการคัดค้านไปแล้วว่า ศาลเยอรมนีได้เลื่อนการตัดสินที่กำหนดไว้เมื่อวานนี้ออกไป และมีการขอเอกสารกรรมสิทธิ์ของเอกชนจากอัยการของฝ่ายไทยเพิ่มเติม เนื่องจากการแสดงเอกสารที่กองทัพอากาศได้ยื่นไปว่าได้ถวายเครื่องบินลำดังกล่าวไปเมื่อปี 2550 แสดงให้เห็นว่า การร้องขอของไทยได้รับการตอบรับที่ดี จนเป็นที่มาของการออกแถลงการณ์ขอโทษเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปแล้ว
ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า ศาลเยอรมนีได้มีการเลื่อนตัดสินเรื่องดังกล่าว หลังจากที่ไทยได้ยื่นเอกสารไปว่าเครื่องบินลำดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐบาล แต่ยังไม่เพียงพอและต้องการเอกสารเพิ่ม จึงอาจจะมีการตัดสินในสัปดาห์หน้า แต่ไม่ได้ระบุวันที่
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเดินทางไปพักผ่อนช่วงวันหยุดที่ จ.ภูเก็ต ในเรื่องเดียวกันนี้ว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ก.ค.หลังจากที่เรายื่นเรื่องให้ศาลเพิกถอนการอายัด ที่เดิมคิดว่าศาลจะสามารถตัดสินได้เลย แต่ปรากฏว่าฝ่ายบริษัทของเยอรมนีได้ไปยื่นเอกสารคัดค้าน ทำให้ศาลต้องพิจารณาเอกสารต่างๆ และนัดพิจารณาตัดสินในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดของเราได้ไปประจำอยู่ที่เยอรมนีแล้ว และวันนี้ตนได้สั่งการให้อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศ เดินทางไปสมทบ เพื่อดูเอกสารของฝ่ายบริษัทเยอรมนีที่ยื่นคัดค้านเพื่อจะได้หักล้างกัน เข้าใจว่าเป็นการยื่นเอกสารข้อมูลเก่าในช่วงที่เครื่องบินลำดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศ ซึ่งยังคาดว่าวันที่ 18 ก.ค. ศาลจะสามารถที่จะตัดสินได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางการเยอรมนีออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น บังเอิญเป็นเรื่องเอกชน และศาลทางการเขาไม่อาจก้าวล่วงได้ ขณะเดียวกัน ได้มีการช่วยอำนวยความสะดวกประสานงาน กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศตลอด ซึ่งพบกับ รมว.ต่างประเทศของเยอรมนีแล้ว รัฐบาลดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะเรื่องนี้เป็นการปกป้องเกียรติยศชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย ในแก้ไขปัญหา สิ่งที่เขาดำเนินการไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ซึ่งตนยืนยันว่าคดียังไม่ถึงที่สุด และถ้าคดีถึงที่สุดเมื่อไหร่ประเทศไทยปฏิบัติตามคำพิพากษาอยู่แล้ว รัฐบาลไทยประเทศไทยไม่ได้หายไปไหน หรือหนีไปไหน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นเลย ที่จะต้องมาดำเนินการในลักษณะนี้
เมื่อถามว่า นายกฯ มั่นใจในหลักฐานที่ยื่นเพิ่มเติมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราได้แสดงชัดเจนว่าทะเบียนเครื่องบินที่เป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ ซึ่งไม่น่าจะมีประเด็นอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงแต่ว่าบริษัทไปเอาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีรายชื่อเครื่องบินต่างๆ และอ้างว่าเครื่องบินลำดังกล่าว เป็นเครื่องของกองทัพอากาศ ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูล เก่า
ต่อข้อถามว่า นายกฯ กังวลเรื่องจะกระทบความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้มีความชัดเจนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเอกชน และรัฐบาลเยอรมนีไม่สามารถไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ แต่ได้แสดงท่าทีออกแถลงการณ์ และได้ประสานงานกับรัฐบาลไทยตลอด ไม่มีเหตุผลใดที่จะมากระทบกับความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เอกชนรายดังกล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งเราต้องมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างต่อการที่มาดำเนินการเรื่องนี้ เพราะศาลตัดสินเมื่อวันที่ 12 ก.ค. โดยไม่ได้ไต่สวนเป็นลักษณะคำขอเร่งด่วน และเราเพิ่งยื่นเอกสารเพิกถอนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. แต่ทางบริษัทเพิ่งยื่นเอกสารก่อนศาลนัด 2 ชั่วโมง ทำให้ศาลต้องอ่านเอกสารของบริษัท เลยต้องเลื่อนไปตัดสินวันที่ 18 ก.ค.