กระทรวงการต่างประเทศ แถลงทำหนังสือถึง รมต.ต่างประเทศเยอรมนี ให้ถอนอายัดเครื่องบินโดยเร็วที่สุด ระบุ การดำเนินการของเยอรมนีเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐบาล ขณะเดียวกัน ไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี ลั่น ไม่ให้ นายเวอร์เนอร์ ชไนเดอร์ จนท.ฝ่ายล้มละลายของบริษัท วอเตอร์บาวน์ เข้าประเทศไทยอีก
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่บริษัท วอเตอร์บาวน์ ของเยอรมนี อายัดเครื่องบินโบอิง 737 ที่ท่าอากาศยานมิวนิก โดย นายกษิต ระบุว่า เยอรมนีดำเนินการอายัดเครื่องบินซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทย ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง หลังจากที่ทราบข่าวว่า เยอรมนีได้อายัดเครื่องบิน ในวันที่ 12 ก.ค.54 ทาง นายจริยวัฒน์ สันติบุตร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีทันที และตนได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ซึ่งขณะนี้มีภารกิจอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็ร้อนใจ และมีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี โทรศัพท์ถึงตน โดยตนได้แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) ตนและคณะ จะเดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี เพื่อเจรจามีเป้าหมายสูงสุดให้ถอนอายัดเครื่องบินโดยเร็วที่สุด
นายกษิต กล่าวว่า ทางการไทยได้ยื่นเอกสารแสดงทะเบียนความเป็นเจ้าของเครื่องบินดังกล่าวไปยังเยอรมนีแล้ว และมีสำนักงานอัยการสูงสุดได้ร่วมดำเนินการทางกฎหมายให้กับฝ่ายไทย โดยขอยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพระองค์ แต่การดำเนินการของเยอรมนีเช่นนี้เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง และไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่มีต่อความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี นอกจากนี้ ได้มีการรายงานต่อสำนักราชเลขาธิการ อย่างไรก็ตาม นายกษิตประกาศ ไม่ให้ นายเวอร์เนอร์ ชไนเดอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายล้มละลายของบริษัทวอเตอร์บาวน์เข้าประเทศไทยอีก
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 13 ก.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างคำพูดนายธานี ทองภักดี โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ว่า การอายัดเครื่องบินลำดังกล่าว เป็นการเข้าใจผิดของทางการเยอรมนี ซึ่งคิดว่าเครื่องบินลำนี้เป็นทรัพย์สินของรัฐบาลไทย เพื่อใช้หนี้คดีฟ้องร้องโครงการสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์
ทั้งนี้ นายเวอร์เนอร์ ชไนเดอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายคดีล้มละลายของบริษัทวอเตอร์บาวน์ บริษัทก่อสร้างสัญชาติเยอรมนี ได้อายัดเครื่องบินลำดังกล่าว เพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยชำระหนี้สินจำนวน 42.3 ล้านดอลลาร์ โดยโฆษกของนายเวอร์เนอร์ กล่าวว่า การยึดเครื่องบินโบอิงลำดังกล่าว เป็นก้าวย่างสำคัญที่จะนำไปสู่การเจรจากันอีกครั้ง ขณะที่แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า ฝ่ายบริหารคดีล้มละลายตัดสินใจดำเนินการครั้งนี้ หลังจากรัฐบาลไทยเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องให้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว
ที่ผ่านมา คณะกรรมการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ได้สั่งให้รัฐบาลไทยจ่ายเงินให้บริษัทวอเตอร์บาวน์กว่า 30 ล้านยูโร ฐานละเมิดกฎบัตรการลงทุนระหว่างเยอรมนีและไทย โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า รัฐบาลไทยไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขในการก่อสร้างโครงการทางยกระดับวิภาวดีรังสิตหรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างวอเตอร์บาวน์และบริษัทไทย