โมฮาเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ประกาศถอนตัวจากการชิงเก้าอี้ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นเวลาเพียง 1 วันก่อนกำหนดถูกเรียกตัวมาสอบสวนจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น
บิน ฮัมมัม อาสาเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานฟีฟ่ากับ เซป แบลตเตอร์ เจ้าของตำแหน่งคนปัจจุบัน ในการลงคะแนนเสียงของเหล่าสมาชิกที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรลูกหนังโลกในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 1 มิถุนายนนี้
แต่หลังประกาศตัวมาเขย่าบัลลังก์ของประธานชาวสวิส บิน ฮัมมัม วัย 62 ปีก็เจอข่าวเสื่อมเสียมาตลอด รวมถึงล่าสุดที่ถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินซื้อเสียงโหวตจากสหภาพฟุตบอลแคริบเบียน (ซีเอฟยู) กระทั่งถูกคณะกรรมการทางวินัยของฟีฟ่ามาสอบสวนในวันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคมนี้
ล่าสุด บิน ฮัมมัม ได้ออกมาประกาศถอนตัวจากการชิงชัยเก้าอี้ประธานฟีฟ่า โดยอ้างเหตุผลว่าเสียความรู้สึกจากการถูกใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนานา ทั้งที่มีความตั้งใจดีหวังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงองค์กรลูกหนังโลกให้ดีขึ้น
"ผมตัดสินใจท้าชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่า เพราะอยากให้ฟีฟ่าเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมวางเป้าหมายและความทะเยอทะยานอย่างชัดเจน ฟีฟ่าต้องมีความเป็นประชาธิปไตย ความโปร่งใส่และสามารถตรวจสอบได้.... อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดและผิดหวังทั้งในฐานะการทำงานและส่วนตัว มันทำให้ผมเสียใจเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายชื่อเสียงของฟีฟ่า เป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับฟีฟ่า และนี่ยอมรับไม่ได้ ผมไม่สามารถปล่อยให้องค์กรที่ผมรักถูกดึงลงไปในบ่อโคลนจากการต่อสู้ของคนสองคน ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงขอประกาศถอนตัวจากการลงเลือกตั้งตำแหน่งประธาน" ข้อความบางส่วนหนึ่งจากแถลงการณ์ของบิน ฮัมมัม
ทั้งนี้ บิน ฮัมมัม ยืนยันว่าจะเข้ารับการสอบสวนจากคณะกรรมการทางวินัยตามกำหนดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ซึ่ง แจ๊ค วอร์เนอร์ ฟีฟ่าเมมเบอร์ชาวตรินิแดด แอนด์ โตเบโก, เด็บบี มิงเกลล์ และ เจสัน ซิลเวสเตอร์ สองเจ้าหน้าที่สหภาพฟุตบอลแคริบเบียน (ซีเอฟยู) รวมถึง แบล็ตเตอร์ ก็ถูกเรียกตัวมาสอบสวนด้วย