"โกลเบล็ก โฮลดิ้ง "พลิกตำราดูสถิติทอง10ปีย้อนหลังคาดมีนาคมนี้ ราคาทองคำมีโอกาสอ่อนตัวมากกว่าเพิ่ม แนะทยอยซื้อสะสม คาดกรอบการลงทุนที่ 16,900-17,650 บาท/บาททอง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายการลงทุน บริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า การลงทุน ทองคำในช่วงเดือนมีนาคม 2553 จะ เป็นไปในลักษณะรอซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว เนื่องจากหากย้อนกลับไปดูข้อมูลในอดีต 10 ปีย้อนหลัง จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในเดือนดังกล่าว มีโอกาสอ่อนตัวลงมากกว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยความน่าจะเป็น 60% คาดการณ์กรอบการลงทุนที่ $1,090-1,140/Oz. หรือประมาณ 16,900-17,650 บาท
ทั้งนี้ ราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบที่ค่อนข้างผันผวน อยู่ที่$1,100/Oz ซึ่งส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนในทองคำได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง
โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลจากตัวแปรหลัก ไม่ว่าจะเป็นกรณีการการออกมาตรการสกัดกั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทางการจีน ซึ่งการยับยั้งการปล่อยสินเชื่อที่โตแรงอย่างผิดปกติ ด้วยการเพิ่มเพดานกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ก่อนปล่อยกู้ การยุติการปล่อยสินเชื่อ และการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อป้องกันการนำเงินไปใช้เก็งกำไรในสินทรัพย์ต่างๆอย่างผิดวัตถุประสงค์
รวมถึงกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาให้ความเห็นในเชิงควบคุมพอร์ตการลงทุนของสถาบันการเงินอย่างแข็งกร้าว ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าจะทำให้แรงเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงและทองคำของสถาบันการเงินต่างๆถูกบั่นทอนลงไป
นอกจากนี้ปัญหาขาดดุลงบประมาณอย่างหนักของประเทศในกลุ่ม PIIGS (โปรตุเกต ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และสเปน) โดยเฉพาะกรีซที่มียอดขาดดุลงบประมาณสูงถึง 113% ของ GDP ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้นักลงทุนกังวลกับความล่าช้าในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของทั้งยูโรโซน และส่งผลให้เงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันผลพวงจากการประกาศขายทองคำของ IMF เข้าสู่ตลาดในส่วนที่เหลืออีก 191.30 ตัน จากแผนการขายทั้งหมดจำนวน 403.30 ตันที่ได้รับอนุมัติเมื่อ ก.ย. 52 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มอุปทานเข้ามาในตลาด และอาจทำให้บรรยากาศการซื้อขายเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกินในชั่วขณะหนึ่งได้ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จาก 0.50% เป็น 0.75% อย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้กระแสเงินหลั่งไหลกลับเข้าไปถือครองดอลล่าร์สหรัฐฯ และฉุดให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาสแฝงอยู่เสมอ ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวลงในรอบที่ผ่านมาจนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าอุปสงค์ส่วนเกิน หรือของขาดตลาดแถวบริเวณราคาทองคำ $1,040-1,050/Oz. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าที่ระดับแนวรับดังกล่าวค่อนข้างแข็งแกร่ง และน่าจะยืนยันได้ว่าราคาทองคำได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่าปัจจัยลบจะท่วมตลาดขนาดนี้ แต่ราคาทองคำก็เลือกจะปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทั่วโลก จากผลของการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างหนักของรัฐบาลหลายประเทศ และฐานการคำนวณของดัชนีราคาที่ต่ำมากในปีก่อน ยังทำให้ทองคำน่าลงทุน นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนในช่วงสั้นจากยอดการนำเข้าของอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายการลงทุน บริษัทโกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า การลงทุน ทองคำในช่วงเดือนมีนาคม 2553 จะ เป็นไปในลักษณะรอซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว เนื่องจากหากย้อนกลับไปดูข้อมูลในอดีต 10 ปีย้อนหลัง จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในเดือนดังกล่าว มีโอกาสอ่อนตัวลงมากกว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยความน่าจะเป็น 60% คาดการณ์กรอบการลงทุนที่ $1,090-1,140/Oz. หรือประมาณ 16,900-17,650 บาท
ทั้งนี้ ราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบที่ค่อนข้างผันผวน อยู่ที่$1,100/Oz ซึ่งส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนในทองคำได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง
โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลจากตัวแปรหลัก ไม่ว่าจะเป็นกรณีการการออกมาตรการสกัดกั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทางการจีน ซึ่งการยับยั้งการปล่อยสินเชื่อที่โตแรงอย่างผิดปกติ ด้วยการเพิ่มเพดานกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ก่อนปล่อยกู้ การยุติการปล่อยสินเชื่อ และการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อป้องกันการนำเงินไปใช้เก็งกำไรในสินทรัพย์ต่างๆอย่างผิดวัตถุประสงค์
รวมถึงกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาให้ความเห็นในเชิงควบคุมพอร์ตการลงทุนของสถาบันการเงินอย่างแข็งกร้าว ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าจะทำให้แรงเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงและทองคำของสถาบันการเงินต่างๆถูกบั่นทอนลงไป
นอกจากนี้ปัญหาขาดดุลงบประมาณอย่างหนักของประเทศในกลุ่ม PIIGS (โปรตุเกต ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และสเปน) โดยเฉพาะกรีซที่มียอดขาดดุลงบประมาณสูงถึง 113% ของ GDP ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้นักลงทุนกังวลกับความล่าช้าในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของทั้งยูโรโซน และส่งผลให้เงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันผลพวงจากการประกาศขายทองคำของ IMF เข้าสู่ตลาดในส่วนที่เหลืออีก 191.30 ตัน จากแผนการขายทั้งหมดจำนวน 403.30 ตันที่ได้รับอนุมัติเมื่อ ก.ย. 52 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มอุปทานเข้ามาในตลาด และอาจทำให้บรรยากาศการซื้อขายเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกินในชั่วขณะหนึ่งได้ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จาก 0.50% เป็น 0.75% อย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้กระแสเงินหลั่งไหลกลับเข้าไปถือครองดอลล่าร์สหรัฐฯ และฉุดให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาสแฝงอยู่เสมอ ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวลงในรอบที่ผ่านมาจนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าอุปสงค์ส่วนเกิน หรือของขาดตลาดแถวบริเวณราคาทองคำ $1,040-1,050/Oz. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าที่ระดับแนวรับดังกล่าวค่อนข้างแข็งแกร่ง และน่าจะยืนยันได้ว่าราคาทองคำได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่าปัจจัยลบจะท่วมตลาดขนาดนี้ แต่ราคาทองคำก็เลือกจะปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทั่วโลก จากผลของการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างหนักของรัฐบาลหลายประเทศ และฐานการคำนวณของดัชนีราคาที่ต่ำมากในปีก่อน ยังทำให้ทองคำน่าลงทุน นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนในช่วงสั้นจากยอดการนำเข้าของอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง