ตลาดหุ้นไทยอ่วมข่าวลบ ดัชนีภาคเช้าดิ่งลงกว่า 10 จุด ประธาน ตลท.ชี้ ดัชนีหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากภายนอกเป็นหลัก ทั้งราคาน้ำมัน-ทองคำ ทำให้ตลาดช็อก พร้อมห่วงการทะเลาะทางการเมือง เพราะต้องการเอาชนะกันขั้นรุนแรง ขณะที่ผู้จัดการ ตลท. ชี้ นักลงทุนต่างชาติถอนเงินไปอุดประเทศตนเอง หลัง ศก. สหรัฐฯ-ยุโรป ยังมีปัญหา ขณะที่ดาวโจนส์ร่วงหนักกว่า 2.61% กระทบตลาดหุ้นทั่วโลก ล่าสุด ภาคบ่ายปิดลบ 11.11 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีภาคเช้าดิ่งลงทันทีกว่า 10 จุด โดยเปิดตลาดที่ระดับ 690.09 จุด ปรับตัวลดลง 12.43 จุด เปลี่ยนแปลง -1.77% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 1,954.43 ล้านบาท ขณะที่ตลาดในในภูมิภาคก็ร่วงลงทั่วหน้า หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงหนักเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาค เริ่มตั้งแต่ตลาดหุ้น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และออสเตรเลีย ร่วงลงเกือบ 3% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นความแตกตื่นของนักลงทุนที่แห่เทขาย หลังจากเห็นดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐปิดตลาดในแดนลบเมื่อวานที่ 10,002.18 จุด หลังจากระหว่างซื้อขายได้ร่วงลงไปต่ำกว่า 10,000 จุด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
โดยนักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนวิตกถึงความอ่อนแอของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก จนกลัวว่าเศรษฐกิจจะกลับสู่ภาวะถดถอยอีกได้ โดยเฉพาะการว่างงานในสหรัฐฯ ที่สะท้อนความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัย ได้แก่ ความวิตกว่าต่อภาระหนี้สินในกรีซ สเปน และโปรตุเกส ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงหนักทั่วยุโรป
ทั้งนี้ ประเทศสเปนกำลังประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ 11.4% ส่วนกรีซก็กำลังประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณสูงถึง 12.7% ซึ่งเป็นการขาดดุลมากที่สุดในยุโรป และกำลังจะมีการหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ของสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศภายในเดือนนี้
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทั้งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ร่วงแรงกว่า 200 จุด รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงไปกว่า 3.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาทองคำที่ลงไปแรงถึง 49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เกิดภาวะช็อกตลาด อีกทั้งยังมีปัญหาการเมืองในประเทศที่กดดันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะที่ผันผวน
สำหรับปัญหาการเมือง แม้จะมีประเด็นที่สร้างความกดดันต่อตลาดหุ้น แต่คิดว่ารัฐบาลคงจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ และผู้คนที่เกี่ยวข้องก็คงเห็นประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การทะเลาะกันของนักการเมืองน่าจะยังมีให้เห็นการแสดงสัญญาณที่จะเอาชนะกันค่อนข้างรุนแรง แม้ว่าจะน่าเป็นห่วง แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เกิดรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออก
ขณะที่กระแสการปฏิวัตินั้น ประธานตลาดหุ้นเชื่อว่า ขณะนี้ไม่มีเหตุผลที่จะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นแน่ เพราะการปฏิวัติจะเกิดได้ ประชาชนต้องไม่ไว้วางใจในการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมองว่าการปฏิวัติไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ
อย่างไรก็ตาม ประธานตลาดหุ้นเห็นว่า รัฐบาลควรจะให้ความสำคัญกับทุกประเด็นที่จะไม่ทำให้ความรู้สึกของผู้คนในด้านความเชื่อมั่นลดลงไปมากกว่านี้
"เป็นเรื่องปกติที่ตลาดหุ้นเราปรับตัวลดลงแรง แต่ถ้าไปดูของเราปรับตัวลดลงน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่สถานการณ์อย่างนี้ ก็น่าจะทำให้ความผันผวนเกิดขึ้นในช่วงนี้ ไม่อยากให้ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเมืองมากจนเกินไป เพราะผมคิดว่ากการเมืองมีทางออก"
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ได้รับผลกระทบจากหุ้นนิวยอร์กที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงแรงถึง 2.61% ถือว่าลงไปค่อนข้างมาก ในส่วนของตลาดหุ้นไทยก็ปรับลงตาม แต่ถือว่าไม่มาก และคาดว่าจะเห็นการปรับตัวลดลงของตลาดภูมิภาคเช่นกัน
ทั้งนี้ หากพิจารณาจะพบว่า ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังดี และยังไม่เปลี่ยนแปลงมาก ทั้งในแง่ของผลประกอบการและอัตราการจ่ายปันผล จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าจะขับเคลื่อนต่อไปได้
ส่วนกรณีที่สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติลดลงไปในขณะนี้นั้น ผู้จัดการ ตลท.ชี้ว่า มีหลายปัจจัย โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ที่ยังมีปัญหา ทำให้นักลงทุนถอนเงินออกไป ถือเป็นเรื่องปกติ แต่คงต้องรอดูความชัดเจนของสภาพเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ซึ่งทาง ตลท.ก็จะเน้นการทำโรดโชว์เพื่อดึงความสนใจนักลงทุนต่างชาติให้กลับเข้ามา โดยจะไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นในช่วงกลางเดือน มีนาคม 2553 นี้
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 689.67 จุด ลดลง 12.85 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.83%มูลค่าการซื้อขาย 8,768.51 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 691.41 จุด ลดลง 11.11 จุด เปลี่ยนแปลง -1.58% มูลค่าการซื้อขาย 16,240.84 ล้านบาท