ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย ประเมิน "เสื้อแดง" และ "เศรษฐกิจสหรัฐฯ" ยังฉุด SET ผันผวนแม้บจ.ประกาศปันผล พร้อมเตือนนักลงทุนติดตามสถานการณ์การชุมนุม คาดสิ้นเดือนนี้ดัชนีโอกาสปรับฐานอีกรอบหลังมีการเทขายจากการปันผล
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในเดือนมีนาคม นี้ว่า ในช่วงต้นเดือนมี.ค ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มเป็นบวก โดยมีแรงหนุนจากการเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตามทิศทางการลงทุนในภูมิภาค และการคลายความกังวลทางด้านการเมืองหลังทรายผลว่ามีการยึดทรัพย์เพียงบางส่วนของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจช่วยลดแรงปะทะของ 2กลุ่มทางการเมืองลงได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการเมืองยังคงมีอยู่และต้องติดตามต่อไป ในเรื่องการนำผลของคดียึดทรัพย์ไปขยายผลต่อเนื่อง และการชุมนุนเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนการระเบิดธนาคารกรุงเทพอีกหลายจุดก็มีการเชื่อมโยงไปยังกรณีความขัดแย้งดังกล่าว อย่างไรก็ตามเมื่อผลการตัดสินเป็นไปตามที่หลายคาดทำให้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทยเริ่มกลับคืนมา
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนเมษายน จะเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนต่างๆประกาศจ่ายเงินปันผล ทำให้มีการเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นรายตัวที่คาดว่าตจะมีการจ่ายปันผลในระดับสูง แต่อาจต้องระมัดระวังในช่วงท้ายของเดือนดัชนีฯอาจมีการปรับฐานเกิดขึ้นได้หลังจากการจ่ายเงินปันผลแล้ว รวมถึงยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯกับยูโร และการประชุมธนาคารกลางต่างๆในช่วงเดือนมีนาคมนี้อีกด้วย
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในเดือนมีนาคมที่โดยปกติจะปรับตัวลดลงในเดือนนี้ KTAM คาดว่า ราคาตจะยังคงมีความผันผวน ทั้งนี้ต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อไป หากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมาดีเกินคาดและมีทิศทางที่ดีเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯอาจแข็งค่าขึ้นได้ในระยสั้น และจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในทิศทางตรงกันข้าม
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนอื่นๆได้แก่ การประกาศนโยบายการช่วยเหลือจาก EU ให้แก่ประเทศกรีซ สมาขิกยูโรโซน เพื่อป้องกันการผิดชำระหนี้สำหรับตราสารหนี้ที่ใกล้ครอบกำหนดในเดือนเมษายน และพฤษภาคม 2553 และกระแสข่าวว่าจะจีนจะเป็นผู้ที่รับซื้อทองคำที่ IMF ประกาศขายทั้งหมด 191.30 ตันแม้ว่าจะไม่มีการยืนยันจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยก่อนหน้านี้ทั้งอินเดียและศรีลังกาได้รับซื้อทองคำจาก IMF ไปแล้วรวม 210 ตัน
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าราคาน้ำมันอาจจะทรงตัว เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในเดือนนี้ น่าจะลดลงหลังจากที่สภาพอากาศที่หนาวเย็นเริ่มผ่อนคลายลง อย่างไรก็ดีแรงกดดันจากปัญหาระหว่างสหรัฐและอิหร่านทำให้ราคาน้ำมันอาจไม่ปรับลดลงมากนัก
