xs
xsm
sm
md
lg

KTAMบริหารพอร์ต"เจริญ"8หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทย ส้มหล่น เตรียมรับทรัพย์จากกองทุนอสังหาฯ กอง 2 และ 4 ของกลุ่ม "เสี่ยเจริญ" มูลค่ารวมกว่า 8 หมื่นล้าน เล็งเจรจาต่อยอด ตั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ดันสินทรัพย์พุ่งแตะอันดับ 3 ล่าสุด พร้อมไอพีโอกองทุนอสังหาฯ 2 กอง ทั้งตึกเนชั่นและตลาดไท

นายสมชัย บุญนำศิริ
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ว่า เรามีแผนที่จะเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2 กองทุน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงขอยื่นโครงการจัดตั้งกองทุนกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อยู่ ซึ่งภายในมีนาคมนี้ คาดว่าน่าจะเปิดขายให้กับนักลงทุนได้

โดยกองทุนอสังหาฯกองแรกที่จะเปิดขายนั้น จะเป็นสินทรัพย์ประเภทสำนักงานให้เช่า ซึ่งเป็นแบบซื้อสินทรัพย์ (ฟรีโฮลด์) คือ ตึกเนชั่น โดยรับประกันค่าเช่าขั้นต่ำ 4-5% ซึ่งเรากำลังพิจราณาอยู่ว่าจะรับประกันค่าเช่าประมาณกี่ปี ส่วนอีกหนึ่งกองทุนอสังหาฯนั้นจะเป็นสินทรัพย์ประเภทศูนย์กระจายสินค้าเกษตรตลาดไท ซึ่งเป็นกองทุนสิทธิการเช่า หรือลิสโฮลด์ โดยรับประกันค่าเช่าขั้นต่ำ11-12% ซึ่งเรากำลังพิจราณาอยู่ว่าจะรับประกันค่าเช่าประมาณกี่ปีด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงการเจราจาเพื่อเข้าบริหารจัดการ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 2) และ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเรียกร้อง (กอง4) ของกลุ่มคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จน่าจะส่งผลให้บริษัทมี AUM รวมในอุตสาหกรรมขยับขึ้นเป็นอันดับ3 ได้ในปีนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 2) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง 4) ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 15 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์ 80,000 ล้านบาท ที่จะโอนย้ายมายังบลจ.กรุงไทยนั้นยังอยู่ระหว่างการหารือ แต่มีแนวโน้มที่ดีและแม้ก.ล.ต.จะเปิดทางให้กองทุน 2 และ 4 ยืดเวลาการยกเลิกกองทุนจากเดือนมี.ค.2553 เป็นธ.ค.2553 แต่คาดว่ากองทุนคงจะทยอยปิดกองทุนก่อนกำหนดอย่างแน่นอน และอาจนำสินทรัพย์ภายใต้กองทุนที่มีอยู่ออกมาจัดตั้งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปหรือกอง 1 ต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เรามีสินทรัพย์หลากหลายประเภทมากขึ้น เช่น โรงเเรม ศูนย์การค้า และสำนักงานให้เช่า ซึ่งคาดว่าจะเห็นได้ภายในปีนี้

นายสมชัย กล่าวต่อว่า บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร ( AUM) ในปีที่ผ่านมาประมาณ 233,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 16% โดยในปี 2553 นี้เราตั้งเป้า AUM จะต้องเติบโตประมาณ 20% คิดเป็น 250,000 ล้านบาท โดยจะมีกองทุนหลากหลายประเภทมากขึ้นเพื่อให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เรายังคงมีการเปิดขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ทุกอาทิตย์ เพื่อรองรับเงินที่กำลังครบอายุประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของจำนวนเงินที่ไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ประมาณ 50,000 ล้านบาท นอกจากกองทุนประเภทดังกล่าวเเล้ว ทางบลจ.กรุงไทยจะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งโรโอเวอร์ และที่เปิดขายไอพีโอใหม่อีกด้วย นอกจากนี้เราเตรียมทำโปรโมชั่นกองทุนรวมตลาดเงิน หรือมันนี่มาร์เก็ต อีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดกรุงไทย เซฟวิ่ง ฟันด์ และ กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ที่มีขนาดกองทุนรวมกันประมาณ 8,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันเราได้พัฒนาระบบการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตเพื่อให้นักลงทุนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

ส่วนภาพรวมกองทุนหุ้นในประเทศ ทั้งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้นก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนซึ่งปลายปีที่ผ่านมามียอดซื้อกองทุนทั้ง 2ประเภทประมาณ 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ทางบลจ.มีแผนที่จะตั้งกองทุนหุ้นประเภททาร์เก็ตฟันด์ออกมารองรับความต้องการของนักลงทุนอีกด้วย

สำหรับกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ FIF นั้นเราก็คงยังมีต่อเนื่องเหมือนปี 2552 ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยเราก็ยังเป็นพันธมิตรที่ดีกับธนาคารซิตี้เเบงก์ในการออกโปรดักซ์ประเภทดังกล่าว ซึ่งทางบลจ.ก็ยังให้ความสำคัญกับนวตกรรม FIF รูปแบบใหม่ เช่นกองทุนอีทีเอฟ และสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ คอมมอนีตี

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ปีที่ผ่านมาเรามี AUM อยู่ที่ 64,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทำแผนร่วมกับธนาคารกรุงไทย โดยในปีนี้ก็เช่นกันเราจะเจาะฐานลูกค้าธนาคารกรุงไทยเพิ่มอีกด้วย ส่วนกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ปีที่ผ่านมาบริษัทมี AUM ประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยในปี2553 บริษัทจะเน้นหาลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลที่เป็นลูกค้าบุคคลมากขึ้น หลังจากที่มีการตั้งทีมรองกรรมการผู้จัดการชุดใหม่ขึ้นมาบริหารงานด้านนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนลูกค้าสถาบันในช่วงเดือนม.ค.2553 ที่ผ่านมา บริษัทก็ได้บริหารกองทุนให้กับสภากาชาดไทย มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทก็จะทำแผนร่วมกับธนาคารกรุงไทยด้วยเช่นกัน

ขณะที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือ อินฟราสตรั๊คเจอร์ฟันด์ คงต้องรอประกาศหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนจากทาง ก.ล.ต.ซึ่งทางเรามีการหารือเบื้องต้นกับทั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย การประปานครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น