ครม.ไฟเขียว งบรายจ่ายปี 54 วงเงิน 2.05 ล้านล้านบาท ตามคาด โดยจัดทำเป็นงบขาดดุล 4 แสนล้านบาท หวังเรียกความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน "กรณ์" มั่นใจ ศก.ปี 53 ฟื้นตัว จัดเก็บรายได้ทะลุเป้า พร้อมหนุนการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของเอกชนร่วมขับเคลื่อนจีดีพี
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2554 ตามที่สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังเสนอ โดยกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่าย 2.05 ล้านล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ 1.65 ล้านล้านบาท จึงเป็นการจัดทำงบประมาณขาดดุล 4 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2553 ที่อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท ขณะที่การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 8% จากปีงบประมาณ 2553 ที่มีจำนวน 1.52 ล้านล้านบาท โดยคาดว่างบลงทุนในปีงบประมาณ 2554 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนล้านบาทจากปีงบประมาณ 2553 หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.5-17.0% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด
รมว.คลัง ยังเชื่อว่า จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจึงคาดว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลดีขึ้นในปีงบประมาณ 2553 จะเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.35 ล้านล้านบาท เป็น 1.52 ล้านล้านบาท และเมื่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลดีขึ้นคาดว่าจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณไปใช้ในการลงทุนในโครงการต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการลดภาระการใช้เงินนอกงบประมาณ และทำให้เกิดความโปร่งใสในการใช้งบประมาณเพื่อการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาล
สำหรับงบประมาณในโครงการลงทุนไทยเข้มแข็งได้รับการอนุมัติวงเงินจำนวน 3.5 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2553 จำนวน 2 แสนล้านบาท และที่เหลือ 1.5 แสนล้านบาทคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในปีงบประมาณ 2554
อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจดีขึ้นตามเป้าหมาย อาจมีความจำเป็นน้อยลงในการใช้เงินกู้จาก 400,000 ล้านบาทดังกล่าว ซึ่งยุทธศาสตร์ปี 2554 จะเน้นโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาระบบราง เพื่อปูพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวตามนโยบายของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว
"การลงทุนขนาดใหญ่ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ต้องการให้ยกระดับรัฐวิสาหกิจ หันมาลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคมากขึ้น ทั้งนี้การลงทุนของภาครัฐจะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนและบริโภคมากขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามดูว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2553 จะทำให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนและบริโภคมากขึ้นได้อย่างไร"
ขณะเดียวกัน การลงทุนของรัฐบาลนอกจากการใช้เม็ดเงินงบประมาณแล้ว ยังต้องพึ่งพาเงินลงทุนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในระบบขนส่งและระบบราง
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประมาณการรายได้รัฐบาล ปีงบประมาณ 2554 จำนวน 1.65 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จาก กรมสรรพากร 1.3 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 3.87 แสนล้านบาท กรมศุลกากร 8.84 หมื่นล้านบาท รัฐวิสาหกิจ 8.44 หมื่นล้านบาท หน่วยงานอื่น 9.3 หมื่นล้านบาท และการหักคืนภาษีของกรมสรรพากรและการจัดสรรรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 3.08 แสนล้านบาท