นิตยสารเดอะแบงก์เกอร์ ของอังกฤษ ยก "กรณ์" เป็นรัฐมนตรีคลังโลกและเอเซีย-แปซิฟิก ประจำปี 2010 ผลงานเข้าตา แก้ปัญหาเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว พร้อมวางแผนแก้ปัญหาของประเทศในระยะยาวผ่านแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง
นิตยสาร เดอะ แบงก์เกอร์ ของอังกฤษ ที่อยู่ในเครือของ ไฟแนนเชี่ยล ไทม์ส ได้ยกย่องให้นายกรณ์จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของไทย เป็นรัฐมนตรีคลังโลกและเอเชีย - แปซิฟิกประจำปี 2010 อันเนื่องมาจากผลงานอันโดดเด่นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งความกล้าในการตัดสินใจและใช้นโยบายที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างได้ผลและทำให้เศรษฐกิจที่ตกต่ำสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังปูพื้นฐานไปสู่การเติบโตในอนาคตอีกด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้งบประมาณมากกว่า 4.8 ล้านล้านบาท เช่นเดียวกับการส่งเสริมการใช้จ่ายระยะยาวของรัฐบาลในโครงการด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็หันมาส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่าย และเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพิ่มขึ้น
นิตยสาร เดอะ แบงก์เกอร์ ระบุว่า ตั้งแต่รัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้น นายกรณ์ ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ออกมามากมายผ่านนโยบายการคลังและนโยบายกึ่งการคลัง เนื่องจากในขณะนั้นนโยบายการเงินไม่สามารถมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำในขณะนั้นได้
ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลได้ผลักดันออกมาในระยะแรกคือ เช็คช่วยชาติ 2 พันบาทที่สามารถกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเช็คสามารถใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที่ ตามมาด้วยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนชราที่มีการอนุมัติตามมา ทั้งนี้เม็ดเงินที่ใช้สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเป็นการใช้งบกลางปีวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท
ขณะที่มาตรการระยะกลางได้มีการประกาศออกมาในชื่อแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ภายใต้วงเงินรวมทั้งสิ้น 8 แสนล้านบาท โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคของประเทศและด้านสังคม ทั้งโรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน ถนนขนส่งระบบรางและการพัฒนาระบบชลประทานที่ประเทศไทยขาดการลงทุนในด้านนี้มานาน
แต่นโยบายสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้และมีความสำคัญไม่น้อยกว่ากันคือการใช้นโยบายกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพื่ออัดฉีดสินเชื่อเข้าสู่ระบบในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อมาก โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 6 สูงถึง 1.18 ล้านล้านบาทและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยและรากหญ้า