xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าแผนกู้วิกฤต ศก.จีน "เหวิน" ทุ่ม 1.32 แสนล้านดอลล์ ตรึงจีดีพี 8%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัฐบาลจีนเล็งทุ่มงบ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ กระตุ้นการจ้างงาน-กำลังซื้อภายใน หลังโดนผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกเล่นงานอ่วม โดยเฉพาะภาคการส่งออก ส่งผลตัวเลขจีดีพีหลุดเป้า "เหวิน เจียเป่า" ลั่นปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ เบนเข็มใช้การบริโภคในประเทศฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมอัดเม็ดเงินลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วประเทศ 1.32 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาตัวเลขจีดีพีในระดับ 8% ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าหนัก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณะรัฐประชาชนจีน กล่าวถึงมาตรการในการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลก และกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจจีนให้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยให้คำมั่นสัญญาว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณมูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน หลังจากตัวเลขจ้างงานในจีนทรุดตัวลงอย่างหนักเพราะถูกกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลก

นายเหวิน ระบุว่า แผนในการเพิ่มอัตราจ้างงานนั้น รัฐบาลจะเข้าไปมีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบในภาคบริการ และอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเป็นหลัก รวมถึงวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เราจะใช้สิทธิอำนาจทุกอย่างที่เรามีอยู่เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน โดยในเบื้องต้นจะเน้นไปที่การจัดหางานสำหรับนักศึกษาที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยและแรงงานอพยพจากชนบท เพราะคนทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบอย่างนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก

นายเหวิน ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะเสนอผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแก่สังคมให้กับประชาชนและให้ความช่วยเหลือแก่ข้าราชการและพนักงานในภาคบริการ นอกจากนี้ นักศึกษาที่ทำงานในถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง หรือ สมัครเข้ารับราชการในกองทัพ จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าเรียนต่อหรือได้รับเงินกู้เพื่อเรียนต่อ

นอกจากนี้ นายเหวินกล่าวว่ารัฐบาลจีนจะสนับสนุนนักศึกษาจบใหม่ให้มีธุรกิจเป็นของตนเองด้วยการริเริ่มจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและฐานธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อยแต่ให้ผลตอบแทนรวดเร็ว

**งัดดีมานด์ภายใน ปท.สู้วิกฤตโลก
สำหรับแผนรับมือผลกระทบวิฤตเศรษฐกิจโลกต่อภาคการส่งออก นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจะกระตุ้นความต้องการภายในประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาว และจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัวหลังจากที่วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบยอดส่งออกร่วงลงอย่างหนัก

การกระตุ้นความต้องการภายในประเทศนี้ รัฐบาลจะดำเนินการโดยเพิ่มรายได้ประชาชน สนับสนุนให้มีการใช้ยานยนต์ เข้าถึงตลาดชนบท สร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จัดทำโครงการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมให้กับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ และเร่งการปรับปรุงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของประชาชนด้วยการปรับปรุงเรื่องค่าจ้าง และการกระจายรายได้ ตลอดจนเพิ่มเงินชดเชยให้กับเกษตรกร และประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองและมีรายได้ต่ำ

สำนักข่าวซินหัวรายงานเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีของจีน ได้กล่าวเสริมว่า รัฐบาลจีนวางแผนที่จะลงทุน 9.08 แสนล้านหยวน หรือ 1.32 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปีนี้ กับโครงการต่างๆที่จะช่วยปรับปรุงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับประชาชนที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น โดยรัฐบาลจะจัดสรรช่องทางการลงทุนไปยังพื้นที่ที่รับมือกับผลพวงจากวิกฤตการเงินโลก และพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาทางสังคม

ก่อนหน้านี้ จีนพึ่งพาการส่งออกเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมาก แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมากระตุ้นความต้องการภายในประเทศ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 พร้อมไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวน หลังจากที่ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศดิ่งลง และภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยมีแนวโน้มที่จะลุกลามไปจนถึงช่วงครึ่งปีหลัง

**ทุ่มงบอัดการใช้จ่าย ตั้งขาดดุล 1.39 แสนล้านดอลลาร์

จีนคาดการณ์ว่ายอดขาดดุลงบประมาณประจำปี 2552 จะพุ่งขึ้นแตะที่ 9.50 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 3% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 60 ปี เนื่องจากจีนใช้นโยบายกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อสกัดกั้นผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก

นายกรัฐมนตรีของจีน กล่าวยอมรับว่า แม้ว่าตัวเลขขาดดุลงบประมาณจะพุ่งสูงขึ้น แต่เราสามารถออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 2 แสนล้านหยวนผ่านทางกระทรวงการคลังได้ พร้อมทั้งชี้ว่า วิธีกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศที่ได้ผลที่สุด คือ การเพิ่มตัวเลขค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

ทั้งนี้ ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของจีนที่ระดับ 9.50 แสนล้านหยวนนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับสูงสุดที่ 3.19 แสนล้านหยวน เมื่อปี 2546 เกือบ 3 เท่า แต่กระนั้นทางการมองว่าตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย และรัฐบาลจำเป็นต้องมีการใช้จ่ายเงินมากขึ้นหากเศรษฐกิจจีนย่ำแย่ลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

อย่างไรก็ตาม ทางการมองว่าสถานการณ์ทางการเงินในจีนจะมีความเสี่ยงหากยอดขาดดุลบัญชีพุ่งสูงกว่า 3% ของจีดีพี หรือพันธบัตรรัฐบาลมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของจีดีพี แต่ในขณะนี้มีสัดส่วนของพันธบัตรดังกล่าวอยู่ในระดับ 20%

ทั้งนี้ ตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้นโยบายที่รัดกุมของจีนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งตัวเลขจีดีพีของจีนในปี 2551 ชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ 9%

**"เหวิน" รับขาดดุลหนัก เพราะต้องการักษา "จีดีพี" 8%

นายกรัฐมนตรีจีน แสดงความเชื่อมั่นว่า จีนจะสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 8% ในปีนี้ได้ แม้ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ยอมรับว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้อาจส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

"ผมเชื่อว่าเราจะรักษาเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 8% ได้ตราบใดที่รัฐบาลยังคงเดินหน้าตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม แต่ต้องยอมรับว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของเราพุ่งขึ้นแตะ 9.50 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.38 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 60 ปีแห่งการครองอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์

เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 6.8% ในไตรมาส 4 ปี 2551 ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของจีน อาจจะขยายตัวได้เพียง 6% ในปีนี้

**หยวนแข็งโป๊ก หลังส่งออก ม.ค.ทรุดต่ำสุดในรอบ 13 ปี

รายงานข่าวยังระบุว่า กลุ่มผู้ส่งออกของจีนเรียกร้องรัฐบาลให้สกัดกั้นการแข็งค่าของเงินหยวน หลังจากยอดขายในต่างประเทศทรุดตัวลงหนักสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทส่งออก โดยการเรียกร้องครั้งนี้มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศเจตนารมณ์ที่จะรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวน

นายหวัง หันหมิน ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัท Yixing Bochangyuan Garments ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องแบบพนักงานส่งออกให้กับตลาดในเอเชีย กล่าวว่า ทุกครั้งที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 2-3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ จะทำให้อุตสาหกรรมส่งออกตกอยู่ในภาวะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย บริษัทของเราต้องปิดเวิร์คชอปและแผนปฏิบัติการณ์ 4 วันใน 1 สัปดาห์ที่โรงงานซึ่งเหลืออยู่เพียง 2 แห่ง

ทั้งนี้ ยอดขายในต่างประเทศของบริษัทส่งออกจีนทรุดตัวลง 17.5% ในเดือนมกราคม 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงสุดในรอบ 13 ปี ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 6.8% ในไตรมาส 4 ปี 2551 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 7 ปี

ด้านนายลู่ จุนเติ้ง ซีอีโอบริษัท Changxing Silk Co ยังแสดงความคาดหวังว่า เงินหยวนจะอ่อนตัวลงเหลือ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แต่ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะฟังเสียงผู้ส่งออกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เราไม่ต้องการให้รัฐบาลประกาศลดค่าเงินหยวน เพราะเรารู้ว่ารัฐบาลจีนต้องเผชิญแรงกดดันจากนานาประเทศในเรื่องนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน

ก่อนหน้านี้ จีนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมส่งออกภายในประเทศ โดยนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ระบุว่า จีนกำลังปั่นค่าเงิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น