หุ้นไทยภาคเช้าปิดบวก 3 จุด ตามทิศทางหุ้นต่างประเทศ โบรกฯ เผย นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น หลังรัฐบาลประกาศใช้แผน “เฮลิคอปเตอร์ มันนี่” อัดฉีดเม็ดเงิน 1.15 แสนล้าน ใส่ระบบ-กระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายคลัง 5 มาตรการ ด้านแบงก์ชาติ มั่นใจดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% ช่วยลดต้นทุนการเงินให้ภาคธุรกิจ ส่วนนโยบายการคลัง ต้องเร่งให้เงินหมุนในระบบโดยรวดเร็ว ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายเพิ่มขึ้น 8.94 จุด
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 429.81 จุด เพิ่มขึ้น 3.55 จุด เปลี่ยนแปลง +0.83% มูลค่าการซื้อขาย 2,848.16 ล้านบาท โดยมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 12.35 จุด ปิดที่ 8,212.49 จุด จากความคาดหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมทุ่มมาตรการใหม่ เพื่อสกัดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนปัจจัยในประเทศ นักลงทุนเริ่มมั่นใจมากขึ้น หลังรัฐบาลเร่งผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการติดตามงาน และดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนโยบายการคลัง 5 มาตราการ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป หลังจากอัดฉีดเม็ดเงิน 1.15 แสนล้านบาท เข้าถึงมือประชาชนทุกกลุ่มโดยตรง ในเดือนเมษายน 2552 นี้
โดยทั้ง 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการทางภาษี มาตรการสนับสนุนสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของรัฐ การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ การขับเคลื่อนงบลงทุนของรัฐบาล คาดว่าจะช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้ เติบโตได้ 2%
นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้บริหารส่วนเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจไทยเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป และ ขณะนี้ลุกลามมายังเอเชียและส่งผลกระทบถึงไทย สภาพการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ขณะที่ไทยก็มีปัญหาภายในประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
นายทรงธรรม ระบุว่า ปัญหาลักษณะนี้ต้องช่วยกันแก้ไขทั้งรัฐบาลและทุกฝ่าย ดังนั้น ในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น สิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ กระตุ้นให้ผู้บริโภคมั่นใจออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หันมาลงทุนมากขึ้น รวมถึงนโยบายไทยช่วยไทย ขณะที่นโยบายการคลังก็กระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นทั้งมาตรการดูแลแรงงานที่ตกงาน ดูแลผู้มีรายได้น้อยและทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในระดับรากหญ้า นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า
ส่วนนโยบายการเงิน นายทรงธรรม กล่าวว่า หากติดตามจะพบว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จำนวน 2 ครั้ง ที่ผ่านมา ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 1 เมื่อครั้งก่อนหน้า และล่าสุดปรับลดลงอีก 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือเพียง 2% ซึ่งการลดดอกเบี้ยนโยบายลงจะช่วยให้ต้นทุนในการกู้เงินน้อยลง นักลงทุนก็จะกล้าลงทุนมากขึ้น นับเป็นการสร้างบรรยากาศในการลงทุน พร้อมกับกระตุ้นความต้องการสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศ สอดคล้องกับมาตรการการคลังที่เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ อย่างไรก็ตาม มาตรการทางด้านการคลังจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เพื่อให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ ตัวเลขล่าสุดยังประมาณการว่าจะเติบโต 0.5-2.5% และตัวเลขประเมินใหม่ ธปท.จะประกาศอีกครั้งในวันที่ 23 มกราคม 2552 นี้ ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะไม่ติดลบแน่นอน โดยยังขยายตัวเป็นบวกพอใช้ได้ ด้านอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาลดลง เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก และเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้เงินเฟ้อลดลง รวมทั้งผลจาก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 435.20 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด เปลี่ยนแปลง +2.10% มูลค่าการซื้อขาย 7,112.76 ล้านบาท