แม่ทัพภาค 4 โต้ข่าว “นิรโทษกรรมสากล” อ้างทหารไทยทรมานผู้ต้องหาคดีป่วนใต้ ย้ำไม่เคยเกิดเรื่องนี้ พร้อมระบุ ผบ.ทบ.กำชับต้องให้ความยุติธรรม ห้ามใช้ความรุนแรง จนท.ฝ่าฝืนโดนลงโทษหนักแน่ ด้านแหล่งข่าวความมั่นคงเผย เป็นข่าวดิสเครดิต ยัน กอ.รมน.ไม่มีนโยบายทำร้ายผู้ต้องหา เหตุไม่ตรงวัตถุประสงค์ จวกองค์กรต่างชาติไม่รู้ปัญหาภายในของไทย
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นางดอนนา เกสต์ รองผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากล ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เผยรายงานเมื่อวันที่ 13 มกราคม ระบุว่า เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของไทยได้ทรมานผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทยอย่างเป็นระบบ โดยพบว่ามีการปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องถึง 34 กรณีว่า กองทัพไม่เคยปฏิบัติการเช่นนี้ และตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ให้นโยบายชัดเจนว่า หากใครกระทำความผิดในลักษณะนี้จะถูกลงโทษขั้นรุนแรง ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาจะต้องให้ความยุติธรรม อย่าใช้ความรุนแรง
“ถ้ามองให้ดีหลังจากที่กลุ่มปฏิบัติการวางระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาก็มีการปล่อยข่าวเพื่อแก้เกมในการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ระดับแกนนำก่อความไม่สงบลดลงไปเยอะมาก แต่เขาก็พยายามสร้างอิทธิพลต่างๆ และพยายามทำให้เห็นว่า เขายังสามารถปฏิบัติการได้รุนแรง ทั้งนี้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้จากการแจ้งเบาะแสของประชาชน ตอนนี้แกนนำก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้จากเดิมมีข้อมูลประมาณ 3,000 คน แต่หลังจากที่มีการกวาดขันจับกุมกับผู้กระทำความผิดทำให้ยอดของแกนนำลดลง หากกลุ่มก่อความไม่สงบยิ่งก่อเหตุก็จะยิ่งทำให้ประชาชนหันกลับมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น ทหารเข้าไปในทุกหมู่บ้าน” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตกันมากกว่า เจ้าหน้าที่รัฐคงไม่สามารถที่จะไปปฏิบัติรุนแรงอย่างนั้นไม่ได้ การรายงานผลวิจัยแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหา อาจจะทำทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการแก้ปัญหาได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หรือกองทัพ ไม่มีวิธีการปฏิบัติแบบนี้ ปัญหาในพื้นที่ทุกคนก็อยู่ว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และมีความแตกต่างในหลายๆ เรื่อง วิธีการที่ถูกกล่าวหาในลักษณะดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ และไม่ตรงกับนโยบาย ไม่ตรงกับวิธีการปฏิบัติ ไม่ตอบรับต่อวัตถุประสงค์ ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาภายใน และสามารถแก้ไขได้ไม่ต้องพึ่งองค์กรระหว่างประเทศ
“ปัญหาภายในประเทศ ถ้ามีบุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวายจะทำให้เกิดปัญหายุ่งกันไปใหญ่ เพราะไม่มีใครรู้ปัญหาดีเท่ากับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ เรื่องที่เกิดขึ้นสามารถกล่าวหากันได้ แต่ข้อเท็จจริงในพื้นที่ปรากฏชัดเจน ถ้ามีเรื่องลักษณะแบบนี้มันไม่สามารถปิดได้มิดหรอก จะต้องมีรูปภาพเป็นหลักฐาน แต่วันนี้ไม่มีอะไรเลยมีเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ขึ้นมาเท่านั้น” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุอีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด และกำกับดูแลพื้นที่ตามมาตรการ โดยเฉพาะเรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยเฉพาะการทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เมื่อ ผบ.ทบ. หรือผู้ที่รับผิดชอบสูงสุดในพื้นที่ ก็ไม่มีใครมาขัดนโยบาย ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการแก้ไขปัญหาภาคใต้
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นางดอนนา เกสต์ รองผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากล ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เผยรายงานเมื่อวันที่ 13 มกราคม ระบุว่า เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของไทยได้ทรมานผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทยอย่างเป็นระบบ โดยพบว่ามีการปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องถึง 34 กรณีว่า กองทัพไม่เคยปฏิบัติการเช่นนี้ และตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ให้นโยบายชัดเจนว่า หากใครกระทำความผิดในลักษณะนี้จะถูกลงโทษขั้นรุนแรง ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาจะต้องให้ความยุติธรรม อย่าใช้ความรุนแรง
“ถ้ามองให้ดีหลังจากที่กลุ่มปฏิบัติการวางระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาก็มีการปล่อยข่าวเพื่อแก้เกมในการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ระดับแกนนำก่อความไม่สงบลดลงไปเยอะมาก แต่เขาก็พยายามสร้างอิทธิพลต่างๆ และพยายามทำให้เห็นว่า เขายังสามารถปฏิบัติการได้รุนแรง ทั้งนี้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้จากการแจ้งเบาะแสของประชาชน ตอนนี้แกนนำก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้จากเดิมมีข้อมูลประมาณ 3,000 คน แต่หลังจากที่มีการกวาดขันจับกุมกับผู้กระทำความผิดทำให้ยอดของแกนนำลดลง หากกลุ่มก่อความไม่สงบยิ่งก่อเหตุก็จะยิ่งทำให้ประชาชนหันกลับมาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น ทหารเข้าไปในทุกหมู่บ้าน” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตกันมากกว่า เจ้าหน้าที่รัฐคงไม่สามารถที่จะไปปฏิบัติรุนแรงอย่างนั้นไม่ได้ การรายงานผลวิจัยแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหา อาจจะทำทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการแก้ปัญหาได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หรือกองทัพ ไม่มีวิธีการปฏิบัติแบบนี้ ปัญหาในพื้นที่ทุกคนก็อยู่ว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และมีความแตกต่างในหลายๆ เรื่อง วิธีการที่ถูกกล่าวหาในลักษณะดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ และไม่ตรงกับนโยบาย ไม่ตรงกับวิธีการปฏิบัติ ไม่ตอบรับต่อวัตถุประสงค์ ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาภายใน และสามารถแก้ไขได้ไม่ต้องพึ่งองค์กรระหว่างประเทศ
“ปัญหาภายในประเทศ ถ้ามีบุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวายจะทำให้เกิดปัญหายุ่งกันไปใหญ่ เพราะไม่มีใครรู้ปัญหาดีเท่ากับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ เรื่องที่เกิดขึ้นสามารถกล่าวหากันได้ แต่ข้อเท็จจริงในพื้นที่ปรากฏชัดเจน ถ้ามีเรื่องลักษณะแบบนี้มันไม่สามารถปิดได้มิดหรอก จะต้องมีรูปภาพเป็นหลักฐาน แต่วันนี้ไม่มีอะไรเลยมีเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ขึ้นมาเท่านั้น” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุอีกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด และกำกับดูแลพื้นที่ตามมาตรการ โดยเฉพาะเรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยเฉพาะการทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เมื่อ ผบ.ทบ. หรือผู้ที่รับผิดชอบสูงสุดในพื้นที่ ก็ไม่มีใครมาขัดนโยบาย ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการแก้ไขปัญหาภาคใต้
