xs
xsm
sm
md
lg

เอเชีย กรีนปลื้มรายได้ปี 51โต 100 % คาดเข้าเทรดในmaiไตรมาสแรกปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเชีย กรีน ปลื้ม รายได้ปี 51 โต 100 % หรือ 2.3 พันล้านบาท จากปี 50 ที่มีรายได้ 955 ล้านบาท เหตุลูกค้าใหม่เพิ่ม-ราคาถ่านหินพุ่ง พร้อมตั้งเป้าปี 52 รายได้ เพิ่ม 20- 30% เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอช่วงไตรมาสแรกปี 52

นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวมปี 51 จำนวน 2,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากปี 50 ที่มีรายได้ รวม 955.61 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 100 ราย ทำให้มีลูกค้ารวมเป็น 400 ราย และราคาถ่านหินในปีที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 52 เพิ่มขึ้น 20-30% จากปี 51 เนื่องจาก บริษัทมีการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มในธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้าเอกชนที่จะเปิดทำการในปีนี้ และ ธุรกิจปูน รวมถึงลูกค้ารายเดิมของบริษัทก็มีการสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ลูกค้าบางรายอาจมีการชะลอการใช้ถ่านหินแต่ก็จะมีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น ทำให้ในปีนี้ บริษัทจะมีการนำเข้าถ่านหินนำมาจำหน่ายเพิ่มเป็น 1.5 ล้านตัน จากปีที่ผ่านมาที่นำเข้ามาเกือบ 1 ล้านตัน

สำหรับการที่บริษัทจะนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย เข้ามาจำหน่ายมากขึ้นนั้น ทำให้บริษัทจะต้องมีการลงทุนในเรื่องเรือขนส่งสินค้า และคลังสินค้าเพิ่มเป็น 1 แห่ง แต่จะเป็นลักษณะการเช่าคลังสินค้า ซึ่งบริษัทจะไม่มีการลงทุนเอง เพื่อประหยัดต้นทุนและลดความเสี่ยงในช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินในการเช่าคลังสินค้าเพิ่มประมาณ 10 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้าจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นการเช่า 2 แห่ง และเป็นบริษัทที่ลงทุนสร้างเอง 1 แห่ง

นายพนม กล่าวว่า บริษัทคาดราคาถ่านหินในปีนี้จะทรงตัวไม่ผันผวนมากเหมือนกับปีที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-70 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาของถ่านหินจะเป็นราคาที่ปรับตัวตามราคาน้ำมัน ที่ปัจจุบันราคาเฉลี่ย 50เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และการที่บริษัทนำเข้าถ่านหินจากประเทศอินโดเนซีย โดยบริษัทมีการทำสัญญาซื้อขายระยะยาว 1 ปี และมีการปรับราคาทุก 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) ของบริษัทนั้น ภายหลังที่เลื่อนจากช่วงไตรมาส3/51 เหตุจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยและสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนและวิกฤตเศรษฐกิจ จึงทำให้ต้องเลื่อนการจดทะเบียนออกไป ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ในไตรมาส1/52 ซึ่งจะต้องมีการหารือกับทางที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่ในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นของบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น