ASTVผู้จัดการรายวัน - เอเชียกรีนมั่นใจเปิดเทรดวันแรกยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 6.50 บาท เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและกระแสเงินสดอยู่ในเกณฑ์ดี เตรียมทุ่มงบ 20-30 ล้านบาท ขยายคลังสินค้า หวังลดต้นทุนค่าขนส่งและสร้างฐานลูกค้าเพิ่ม เชื่อ กนง. ลดดอกเบี้ยน่าจะทำให้ต้นทุนการเงินลดตาม
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียกรีน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (AGE) เปิดเผยว่า จากยอดจองหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) จึงค่อนข้างมั่นใจว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในวันนี้ (26 ก.พ.)ราคาหุ้น AGE จะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 6.50 บาทได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปเพิ่มประสิทธิภาพและขยายธุรกิจถ่านหิน 27 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 200 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเพื่อรองรับเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมจะขยายคลังสินค้าในภาคตะวันออกโดยประเมินเนื้อที่ ไว้ 10 ไร่ จากเดิมที่มีคลังสินค้าในจังหวัดอยุธยา ลพบุรี และเพชรบุรี เพื่อหวังว่าจะลดต้นทุนในส่วนค่าขนส่ง ตลอดจนเป็น การขยายฐานลูกค้าในภาคตะวันออกเพิ่มเติม โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20-30 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดนั้นน่าจะได้ความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/52
สำหรับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.50% เหลือ 1.50% จากก่อนหน้านี้ที่ 2% น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลง รวมถึงน่าจะทำให้ต้นทุนทางการ เงินของบริษัทลดลงด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนโอกาสในการเข้าซื้อเหมืองถ่านหิน ในประเทศอินโดนีเซีย ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจหด ส่วนตัวยังไม่มีแนวคิดในเรื่องดังกล่าว เพราะการจะซื้อเหมืองแต่ละครั้งจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ อาทิ ใบอนุญาตของเหมืองถ่านหินนั้น ปริมาณและคุณภาพถ่านหิน ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงไม่อยากรีบร้อนเพราะไม่อยากให้กระทบกับกระแสเงินของบริษัท
ทั้งนี้ ในปี 52 บริษัทฯ ประมาณการว่าลูกค้าของ AGE น่าจะเพิ่มอีกประมาณ 40-50 ราย จากปี 51 ที่มีลูกค้าอยู่ที่ 400-500 ราย เป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการหลายแห่งหันมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตมากขึ้นแทนการใช้น้ำมันจากเดิม ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่คงมองว่าราคาน้ำมันคงจะไม่ปรับตัวลดลงแบบนี้ตลอดไป และแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาเหลือ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่การใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตแทนก็ยังสามารถลดต้นทุนได้กว่า 30-40%
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียกรีน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (AGE) เปิดเผยว่า จากยอดจองหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) จึงค่อนข้างมั่นใจว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในวันนี้ (26 ก.พ.)ราคาหุ้น AGE จะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 6.50 บาทได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปเพิ่มประสิทธิภาพและขยายธุรกิจถ่านหิน 27 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 200 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเพื่อรองรับเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมจะขยายคลังสินค้าในภาคตะวันออกโดยประเมินเนื้อที่ ไว้ 10 ไร่ จากเดิมที่มีคลังสินค้าในจังหวัดอยุธยา ลพบุรี และเพชรบุรี เพื่อหวังว่าจะลดต้นทุนในส่วนค่าขนส่ง ตลอดจนเป็น การขยายฐานลูกค้าในภาคตะวันออกเพิ่มเติม โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20-30 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดนั้นน่าจะได้ความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/52
สำหรับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.50% เหลือ 1.50% จากก่อนหน้านี้ที่ 2% น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลง รวมถึงน่าจะทำให้ต้นทุนทางการ เงินของบริษัทลดลงด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนโอกาสในการเข้าซื้อเหมืองถ่านหิน ในประเทศอินโดนีเซีย ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจหด ส่วนตัวยังไม่มีแนวคิดในเรื่องดังกล่าว เพราะการจะซื้อเหมืองแต่ละครั้งจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ อาทิ ใบอนุญาตของเหมืองถ่านหินนั้น ปริมาณและคุณภาพถ่านหิน ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงไม่อยากรีบร้อนเพราะไม่อยากให้กระทบกับกระแสเงินของบริษัท
ทั้งนี้ ในปี 52 บริษัทฯ ประมาณการว่าลูกค้าของ AGE น่าจะเพิ่มอีกประมาณ 40-50 ราย จากปี 51 ที่มีลูกค้าอยู่ที่ 400-500 ราย เป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการหลายแห่งหันมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตมากขึ้นแทนการใช้น้ำมันจากเดิม ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่คงมองว่าราคาน้ำมันคงจะไม่ปรับตัวลดลงแบบนี้ตลอดไป และแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาเหลือ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่การใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตแทนก็ยังสามารถลดต้นทุนได้กว่า 30-40%
