ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.แอสเซท พลัส แนะจับจังหวะลงทุนก่อน กนง.ลดดอกเบี้ย ส่งกองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 4 โรลโอเวอร์ในตราสารหนี้เอกชนคุณภาพอายุ 6 เดือน ชูผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี เปิดเสนอขายและรับซื้อคืนวันเดียว วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้
นางสาวสุทธินี สิมะกุลธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ มีความผันผวน แต่สำหรับในสัปดาห์หน้าคาดว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 6 เดือนน่าจะปรับลดลงได้อีก เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง เพราะมีการไหลเข้าของเงินฝากจำนวนมาก แต่ตัวเลขการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ตราสารอายุ 2-3 ปี น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมามากแล้ว
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการ กนง. ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ คาดว่าน่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% เหลือ 1.50% ดังนั้น ช่วงก่อนการประชุม กนง.นี้ จึงเป็นจังหวะเหมาะสมในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้
สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้เอกชนมีส่วนต่างกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรในระดับสูง โดยเลือกผู้ออกตราสารที่มีฐานะการเงินมั่นคงและสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในระดับความเสี่ยงที่รับได้ เนื่องจากหลังจากการประชุม กนง. หากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก จะส่งผลต่อผลตอบแทนของพันธบัตร และตราสารหนี้เอกชน ให้ปรับตัวลดลงอีกแน่นอน
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ บริษัทฯ จะเปิดขายและรับซื้อคืนใหม่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 4 (ASP-ACFIXED4) ผลตอบแทนประมาณการที่ 3% ต่อปี จากการลงทุนในตั๋วแลกเงินอายุประมาณ 6 เดือน ที่ผู้ออกได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป เช่น บมจ.เอสโซ่ (ESSO) บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (PL) และ บมจ. โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL)
นางสาวสุทธินี สิมะกุลธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ มีความผันผวน แต่สำหรับในสัปดาห์หน้าคาดว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 6 เดือนน่าจะปรับลดลงได้อีก เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง เพราะมีการไหลเข้าของเงินฝากจำนวนมาก แต่ตัวเลขการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ตราสารอายุ 2-3 ปี น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมามากแล้ว
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการ กนง. ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ คาดว่าน่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% เหลือ 1.50% ดังนั้น ช่วงก่อนการประชุม กนง.นี้ จึงเป็นจังหวะเหมาะสมในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้
สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้เอกชนมีส่วนต่างกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรในระดับสูง โดยเลือกผู้ออกตราสารที่มีฐานะการเงินมั่นคงและสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในระดับความเสี่ยงที่รับได้ เนื่องจากหลังจากการประชุม กนง. หากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก จะส่งผลต่อผลตอบแทนของพันธบัตร และตราสารหนี้เอกชน ให้ปรับตัวลดลงอีกแน่นอน
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ บริษัทฯ จะเปิดขายและรับซื้อคืนใหม่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 4 (ASP-ACFIXED4) ผลตอบแทนประมาณการที่ 3% ต่อปี จากการลงทุนในตั๋วแลกเงินอายุประมาณ 6 เดือน ที่ผู้ออกได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป เช่น บมจ.เอสโซ่ (ESSO) บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (PL) และ บมจ. โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL)