บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเสนอขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทน 1.60%* ต่อปี ระยะเวลา 3 เดือน และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ลงทุนในตั๋วแลกเงิน ผลตอบแทน 2.60%** ต่อปีรอบการลงทุนทุก 3 เดือน เปิดเสนอขายและรับซื้อคืนวันเดียว วันที่ 26 มกราคม นี้
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน (RP-1D) ลดลงเหลือ 2.00% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยตราสารต่างๆ ในตลาดปรับตัวลดลงไปอีก ในส่วนของบริษัทฯ มองว่า ธปท.น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย RP-1D ลงอีก 0.75%-1.00% ภายในกลางปีนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการส่งออกชะลอตัว
ทั้งนี้ความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ และการลงทุน ทำให้บรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมในช่วงนี้ ผู้ลงทุน ยังคงเน้นลงทุนระยะสั้นๆ กับตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย โดยสำหรับกองทุนที่จะครบรอบ Roll-over 2 กองทุน ในวันที่ 26 มกราคม นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) รอบระยะเวลาการลงทุน 3 เดือน สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการความมั่นคงเป็นหลัก โดยกองทุนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ ที่ระดับ 1.60% ต่อปี
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า ในระดับความเสี่ยงไม่มากนัก บริษัทฯ จะแนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) รอบระยะเวลาลงทุน 3 เดือน ที่เน้นลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัทเอกชน ที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A- ขึ้นไป และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคาดว่าสามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ 2.60% ต่อปี
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน (RP-1D) ลดลงเหลือ 2.00% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยตราสารต่างๆ ในตลาดปรับตัวลดลงไปอีก ในส่วนของบริษัทฯ มองว่า ธปท.น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย RP-1D ลงอีก 0.75%-1.00% ภายในกลางปีนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการส่งออกชะลอตัว
ทั้งนี้ความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ และการลงทุน ทำให้บรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมในช่วงนี้ ผู้ลงทุน ยังคงเน้นลงทุนระยะสั้นๆ กับตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย โดยสำหรับกองทุนที่จะครบรอบ Roll-over 2 กองทุน ในวันที่ 26 มกราคม นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) รอบระยะเวลาการลงทุน 3 เดือน สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการความมั่นคงเป็นหลัก โดยกองทุนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ ที่ระดับ 1.60% ต่อปี
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า ในระดับความเสี่ยงไม่มากนัก บริษัทฯ จะแนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) รอบระยะเวลาลงทุน 3 เดือน ที่เน้นลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัทเอกชน ที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A- ขึ้นไป และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคาดว่าสามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ 2.60% ต่อปี