xs
xsm
sm
md
lg

KTAMไอพีโอกองบอนด์เอกชน ยืนยันเลือกหลักทรัพย์คุณภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

KTAMไอพีโอกองบอนด์เอกชน ยืนยันเลือกหลักทรัพย์คุณภาพ

ASTV ผู้จัดการรายวัน – บลจ.กรุงไทยประเดิมรับปีฉลู ส่ง 2 กองทุนตราสารหนี้ชิมลาง รายแรก “KTSUP3M6” ลุยบอนด์ภาคเอกชน คาดให้ผลตอบแทน1.90%ต่อปี ยืนยันคัดกรองหลักทรัพย์ที่ลงทุนเป็นอย่างดี และติดตามสภาวการณ์อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ “KTFIX6M4” เน้นความเสี่ยงต่ำลุยพันธบัตรรัฐบาลท และเงินฝากแบงก์พาณิชย์

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3 เดือน 6 (KTSUP3M6 ) และ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 4 (KTFIX6M4) เสนอขายในวันที่ 7-13 มกราคม 2552

โดยกองทุนKTSUP3M6 เป็นกองทุนที่มีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 1,800 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง ได้รับการจัดอันดับตั้งแต่ A- ขึ้นไป และลงทุนในเงินฝาก / ตราสารการเงินสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารดังนี้ ลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด (มหาชน) 20% ตั๋วแลกเงินของธนาคารไทยธนาคาร ธนาคารเกียรตินาคิน บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และบมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ บริษัทละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนประมาณการที่ 1.90% ต่อปี

ขณะที่การบริหารความเสี่ยงในกรณีนี้คือ การตรวจสอบบริษัทที่ลงทุนด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกระบวนการลงทุนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยมีการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆอย่างเหมาะสม ซึ่งโดยปกติแล้วการผันผวนของราคาหลักทรัพย์มักไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับแนวโน้มในอนาคตของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ดังกล่าว แต่จะเป็นเรื่องของความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด ซึ่งหากราคาที่เกิดจากการซื้อขายกันในปริมาณที่มาก นั้นยังคงเป็นราคาที่สามารถซื้อหรือขายตราสารดังกล่าวได้ในราคาที่น่าสนใจแล้ว บริษัทจัดการก็เห็นว่าความผันผวนดังกล่าวในบางกรณ๊ถือเป็นโอกาสในการลงทุน ดังนั้นก่อนการลงทุนบริษัทจะการวิเคราะห์ภาวะตลาด ความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการลงทุนของบริษัทอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลง รวมถึงจะติดจามภาวะการลงทุนรวมถึงการปรับเปี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์อย่างสม่ำเสมอ

ส่วนกองทุนKTFIX6M4 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับความคุ้มครองโดยสถาบันประกันเงินฝาก โดยกองทุนจะมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารดังนี้ ลงทุนพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 56% เงินฝาก/บัตรเงินฝากของธนาคารไทยธนาคาร และธนาคารสินเอเซีย 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนจะมีผลตอบแทนประมาณการที่ 1.30% ต่อปี

นายสมชัย กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับลดลง 2-8 bp มาอยู่ที่ 1.90-2.08% เนื่องจากความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความปลอดภัยจากความเสี่ยงด้านเครดิตยังมีอยู่ค่อนข้างสูงทั้งจากพอร์ตของกองทุนตราสารหนี้และสถาบันการเงินต่างๆ ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่าในการประชุมของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 14 มกราคม นี้ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.50% - 1.00% จากปัจจุบันที่อยู่ในอัตรา 2.75%

ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรก (A- ขึ้นไป) มีผู้เสนออัตราผลตอบแทนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากตลาดยังกังวลถึงผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตที่ได้รับผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจและการเงิน ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดจำหน่าย 2 กองทุนดังกล่าว เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยหากผู้ลงทุนรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ ก็อาจพิจารณาเลือกการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ และหากผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนพันธบัตรภาครัฐ อาจจะพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตราสารนี้ภาคเอกชน โดยการลงทุนในกองทุนดังกล่าวจะไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15%

ก่อนหน้านี้ นายสมชัย ให้ความเห็นถึงการลงทุนในไตรมาสแรกปีนี้ว่า การลงทุนในหุ้นเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากว่าการเมืองในประเทศเริ่มนิ่งและมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ได้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศในขณะนี้ โดยในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ บริษัทเตรียมที่จะออกกองทุนหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุน ซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นที่ต่างประเทศ รวมถึงจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ และคอมมอดิตี้ ในรูปแบบเดียวกับจิมโรเจอร์

โดยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ปิดขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น 1 (The Krung Thai Capital Protection Fixed 3M Fund1 : KTFIX3M1) ซึ่งให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 1.75% และกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท Roll Over ทุก 3 เดือน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูง พร้อมทั้งมีโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 56% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากของธนาคารสินเอเซีย และธนาคารเกียรตินาคิน อีกจำนวน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น