บลจ.กรุงไทย เปิดขายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 6 เดือน 27 เน้นลงทุนระยะสั้น 6 เดือนในตราสารหนี้ ในประเทศและต่างประเทศ หวังรักษาฐานลูกค้ารายเดิมและมุ่งหาผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เปิดขายไอพีโอ 19-25 กุมภาพันธ์ 2551
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 6 เดือน 27 ในวันที่ 19-25 กุมภาพันธ์ 2551 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ ในประเทศ และต่างประเทศ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด โดยกองทุนอาจจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า ถึงแม้กองทุนดังกล่าวสามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ แต่ภาวะในขณะนี้ บริษัทอาจจะพิจารณาลงทุนในประเทศทั้ง 100% เพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนให้กับลูกค้า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศปรับตัวลดลง โดยในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้ารายเดิม และมุ่งหาผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ส่วนภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ระยะยาว ได้ปรับตัวชันมากขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุคงเหลือมากกว่า 7 ปีปรับตัวสูงขึ้น 3-8 bp ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 7 ปีปรับลดลง 0 – 7 bp เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมปลายเดือนนี้ และจะผ่อนคลายมาตรการการกันสำรอง 30% แต่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เป็นแรงกดดันต่อพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือยาวประกอบกับจะมีการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์มูลค่า 50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากนักลงทุนต้องการเพิ่มอัตราผลตอบแทน แนะนำลงทุนในกองทุน KTST6M27 โดยมีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ 2.00% ต่อปี และยอดเงินฝาก 5ล้านขึ้นไป อยู่ที่ 2.25% ต่อปี หักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15% นักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ได้ทั่วประเทศ
ก่อนหน้านี้ นายสมชัยกล่าวว่า กองทุนตราสารหนี้ของเราที่ออกไปลงทุนตั๋ว ECP ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 17,000 ล้านบาท จากจำนวนกองทุนอายุ 3 เดือนและ 6 เดือนประมาณ 10 กองทุน ซึ่งหลังจากกองทุนเริ่มทยอยครบอายุ แน่นอนว่าทางเลือกอันดับต้นๆ คงเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ เพราะการลงทุนใน ECP ไม่ต่างจากตราสารหนี้ในประเทศมากนัก แถมบางช่วงอายุยังต่ำกว่าอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บลจ.กรุงไทยเอง ได้ออกกองทุนตราสารหนี้เพื่อรองรับเงินลงทุนดังกล่าวไปบ้างแล้ว โดยกองทุนตราสารหนี้ดังกล่าว เน้นลงทุนในตั่วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 60% ในตั๋วเงินคลัง และอีก 40% ในตราสารหนี้เอกชนและให้ผลตอบแทนประมาณ 2.7% ต่อปี ซึ่งหลังจากเปิดขายก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าในการเอาเงินมาลงทุนต่อเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน เราก็หาแหล่งพักเงินให้กับลูกค้าเพื่อรอจังหวะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ หรือรอโอกาสลงทุนในตั๋ว ECP อีกครั้งหากผลตอบแทนน่าสนใจ โดยเราเองแนะนำให้ลูกค้าใช้ "กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์" ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) เป็นแหล่งพักเงิน ซึ่งกองทุนดังกล่าวสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวัน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น 6 เดือน 27 ในวันที่ 19-25 กุมภาพันธ์ 2551 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ ในประเทศ และต่างประเทศ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด โดยกองทุนอาจจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า ถึงแม้กองทุนดังกล่าวสามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ แต่ภาวะในขณะนี้ บริษัทอาจจะพิจารณาลงทุนในประเทศทั้ง 100% เพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนให้กับลูกค้า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศปรับตัวลดลง โดยในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้ารายเดิม และมุ่งหาผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ส่วนภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทน (Yield Curve) ระยะยาว ได้ปรับตัวชันมากขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุคงเหลือมากกว่า 7 ปีปรับตัวสูงขึ้น 3-8 bp ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือน้อยกว่า 7 ปีปรับลดลง 0 – 7 bp เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมปลายเดือนนี้ และจะผ่อนคลายมาตรการการกันสำรอง 30% แต่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เป็นแรงกดดันต่อพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือยาวประกอบกับจะมีการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์มูลค่า 50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากนักลงทุนต้องการเพิ่มอัตราผลตอบแทน แนะนำลงทุนในกองทุน KTST6M27 โดยมีผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ 2.00% ต่อปี และยอดเงินฝาก 5ล้านขึ้นไป อยู่ที่ 2.25% ต่อปี หักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15% นักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ได้ทั่วประเทศ
ก่อนหน้านี้ นายสมชัยกล่าวว่า กองทุนตราสารหนี้ของเราที่ออกไปลงทุนตั๋ว ECP ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 17,000 ล้านบาท จากจำนวนกองทุนอายุ 3 เดือนและ 6 เดือนประมาณ 10 กองทุน ซึ่งหลังจากกองทุนเริ่มทยอยครบอายุ แน่นอนว่าทางเลือกอันดับต้นๆ คงเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ เพราะการลงทุนใน ECP ไม่ต่างจากตราสารหนี้ในประเทศมากนัก แถมบางช่วงอายุยังต่ำกว่าอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บลจ.กรุงไทยเอง ได้ออกกองทุนตราสารหนี้เพื่อรองรับเงินลงทุนดังกล่าวไปบ้างแล้ว โดยกองทุนตราสารหนี้ดังกล่าว เน้นลงทุนในตั่วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 60% ในตั๋วเงินคลัง และอีก 40% ในตราสารหนี้เอกชนและให้ผลตอบแทนประมาณ 2.7% ต่อปี ซึ่งหลังจากเปิดขายก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าในการเอาเงินมาลงทุนต่อเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน เราก็หาแหล่งพักเงินให้กับลูกค้าเพื่อรอจังหวะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ หรือรอโอกาสลงทุนในตั๋ว ECP อีกครั้งหากผลตอบแทนน่าสนใจ โดยเราเองแนะนำให้ลูกค้าใช้ "กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์" ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) เป็นแหล่งพักเงิน ซึ่งกองทุนดังกล่าวสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวัน