xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นผันผวนฉุดเอยูเอ็มKTAM อัตราเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย15%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอ็มดีบลจ.กรุงไทยชี้เเม้ขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นทุกอาทิตย์ เเต่เม็ดเงินเอยูเอ็มที่ตั้งเป้าไว้เติบโตเพิ่ม15% ยังพลาดเป้า เหตุเอ็นเอวีกองทุนหุ้นร่วง ประกอบกับกองทุนปิดทยอยครบอายุ ล่าสุดเปิดขายกองตราสารหนี้ไทยเพิ่มอีก 1กองพร้อมขยายเวลาขายกองบอนด์เกาหลีใต้ ยืนยันอัตราผลตอบแทนยังดีกว่าในประเทศ

นาย สมชัย บุญนำสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่เหลือก่อนจะสิ้นปี 2551 นี้ ทางบลจ.ยังคงมีการเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 เดือนเเละ 6 เดือนอีกเหมือนกับช่วงที่ผ่านมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบเเทนมากกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคาร โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 1%โดยในปี 2551 ยอดขายกองทุนตราสารหนี้ที่ขายผ่านสาขาธนาคารกรุงไทยเพิ่มขึ้นถึง 25%ด้วยกัน

"แม้เราจะขายกองทุนตราสารหนี้ทุกอาทิตย์ เเต่สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร หรือ AUM ที่เราวางไว้ 15% ก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้า ซึ่งก็มาจากหลายสาเหตุ เช่น กองทุนรวมหุ้นที่มูลค่าทรัพย์สิน (NAV) ลดลงที่เป็นผลพวงจากตลาดหุ้นผันผวนด้วยพิษเศรษฐกิจ ซึ่งกองทุนวายุภักษ์ก็ลงมาพอสมควร เเละยังมีกองทุนที่ครบกำหนดทยอยหมดไปอีกด้วย" นายสมชัยกล่าว

ทั้งนี้บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุนได้เเก่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝากสถาบันการเงินเเละยังสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกระยะ 6 เดือนซึ่งประมาณการผลตอบแทน 2.10 % ต่อปี อีกกองทุนคือ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้ 3 เดือน 5 ที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ และพันธบัตรภาครัฐในประเทศ หรือเงินฝากสถาบันการเงินโดยเงินลงทุนในต่างประเทศมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ซึ่งระยะเวลาการลงทุนประมาณ 3 เดือน โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 3.80 % - 4.50% ต่อปี ทั้ง 2 กองทุนนี้เปิดขายตั้งเเต่วันนี้ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2551นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของบลจ.กรุงไทย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551 อยู่ที่ 128,798,533,599.32 บาท โดยมีส่วนเเบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.54%ในขณะที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 25 มกราคม 2551 อยู่ที่ 134,282,140,490.52 บาท มีส่วนเเบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.30%

ก่อนหน้านี้นายสมชัย กล่าวถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ช่วงเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา ว่าของบริษัทจัดอยู่ในอันดับ 2 ซึ่งบริษัทมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในหุ้นลงไปอีกประมาณ 10% เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นถดถอยลง ดังนั้น ในการปรับพอร์ตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพครั้งนี้ ได้ทำการลดสัดส่วนของกลุ่มเคมิคอล และกลุ่มที่เกี่ยวกับส่งออกลงไป เพราะ 2 กลุ่มดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้

โดยสิ้นเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทมีเอ็นเอวีอยู่ทั้งสิ้น 63,028.92 ล้านบาท โดยมีจำนวนกองทุนรวม 31 กองทุน ส่วนสมาชิกนั้นบริษัทมีด้วยกัน 95,723 ราย มีจำนวนนายจ้าง 216 ราย และคาดว่าในช่วงสิ้นปี 2551 นี้ บริษัทจะสามารถเพิ่มเอ็นเอวีได้อีกประมาณ 500 - 600 ล้านบาท จากสมาชิกรายใหม่ ๆ เนื่องจากว่าบริษัทได้ออกไปสัมมนา ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงไปยังบริษัทต่าง ๆ ด้วย ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดนี่ถือว่าเป็นอีกกลยุทธหนึ่งที่บริษัทได้ใช้มาโดยตลอด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เป็นอย่างดี ทำให้บริษัทที่เป็นสมาชิกนั้นส่วนใหญ่ที่เป็นบริษัทใหญ่ ๆ ยังคงต่อสัญญาและให้บลจ. กรุงไทย เข้าไปบริหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ ก.ส.ล. , บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ,กรมไปรษณีย์และการสื่อสาร และธนาคารกรุงไทย ที่ได้หมดสัญญาไปเมื่อไม่นานก็ได้ทำการต่อสัญญาให้ บลจ. กรุงไทย เข้าไปบริหารกองทุนดังกล่าวต่อเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าการบริหารพอร์ตของกองทุนดังกล่าวสามารถสร้างความไว้วางใจให้แก่สมาชิกได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น