บลจ.กรุงไทยเป็นปลื้ม ลูกค้ากองทุนสำรองต่อสัญญาบริหารต่อ หลังผลงานเข้าตา ล่าสุด ลดสัดส่วนหุ้นลงอีก 10% รับมือตลาดหุ้นผันผวนหนัก มั่นใจทั้งปีนี้ เงินลงทุนเพิ่มอีก 500 - 600 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าให้ความรู้ดึงลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการรายงานของสมาคม บลจ. ในช่วงเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ ฟันด์) ของบริษัทจัดอยู่ในอันดับ 2 ซึ่งบริษัทมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในหุ้นลงไปอีกประมาณ 10% เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นถดถอยลง ดังนั้น ในการปรับพอร์ตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพครั้งนี้ ได้ทำการลดสัดส่วนของกลุ่มเคมิคอล และกลุ่มที่เกี่ยวกับส่งออกลงไป เพราะ 2 กลุ่มดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้
สำหรับสิ้นเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทมีเอ็นเอวีอยู่ทั้งสิ้น 63,028.92 ล้านบาท โดยมีจำนวนกองทุนรวม 31 กองทุน ส่วนสมาชิกนั้นบริษัทมีด้วยกัน 95,723 ราย มีจำนวนนายจ้าง 216 ราย และคาดว่าในช่วงสิ้นปี 2551 นี้ บริษัทจะสามารถเพิ่มเอ็นเอวีได้อีกประมาณ 500 - 600 ล้านบาท จากสมาชิกรายใหม่ ๆ เนื่องจากว่าบริษัทได้ออกไปสัมมนา ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงไปยังบริษัทต่าง ๆ ด้วย ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดนี่ถือว่าเป็นอีกกลยุทธหนึ่งที่บริษัทได้ใช้มาโดยตลอด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เป็นอย่างดี ทำให้บริษัทที่เป็นสมาชิกนั้นส่วนใหญ่ที่เป็นบริษัทใหญ่ ๆ ยังคงต่อสัญญาและให้บลจ. กรุงไทย เข้าไปบริหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ ก.ส.ล. , บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ,กรมไปรษณีย์และการสื่อสาร และธนาคารกรุงไทย ที่ได้หมดสัญญาไปเมื่อไม่นานก็ได้ทำการต่อสัญญาให้ บลจ. กรุงไทย เข้าไปบริหารกองทุนดังกล่าวต่อเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าการบริหารพอร์ตของกองทุนดังกล่าวสามารถสร้างความไว้วางใจให้แก่สมาชิกได้เป็นอย่างดี
"จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนเป็นอย่างมาก ดังนั้น บริษัทต้องมีการปรับพอร์ตบ้าง เพื่อให้ผลการดำเนินงานนั้นอยู่ในระดับที่ดี ด้วย และจากการปรับพอร์ตครั้งนี้ ส่งผลให้พอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี เพราะจะเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่ ๆ ที่ให้เราเข้าไปบริหารให้นั้นส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายเดิมและเป็นลูกค้ารายใหญ่ด้วย ซึ่งถอว่าได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความไว้วางใจให้แก่สมาชิกได้อย่างต่อเนื่อง" นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทที่จัดว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ถึงบริษัทเล็ก ๆ ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ. กรุงไทยนั้น บริษัทก็ได้เข้าไปดูแลเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่แล้วจะจัดเข้าโครงการ Pull Fund โดยนำหลาย ๆ บริษัทเข้ามาลงทุนในกองทุนเดียวกัน เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเช่นกัน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการรายงานของสมาคม บลจ. ในช่วงเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ ฟันด์) ของบริษัทจัดอยู่ในอันดับ 2 ซึ่งบริษัทมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในหุ้นลงไปอีกประมาณ 10% เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นถดถอยลง ดังนั้น ในการปรับพอร์ตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพครั้งนี้ ได้ทำการลดสัดส่วนของกลุ่มเคมิคอล และกลุ่มที่เกี่ยวกับส่งออกลงไป เพราะ 2 กลุ่มดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้
สำหรับสิ้นเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทมีเอ็นเอวีอยู่ทั้งสิ้น 63,028.92 ล้านบาท โดยมีจำนวนกองทุนรวม 31 กองทุน ส่วนสมาชิกนั้นบริษัทมีด้วยกัน 95,723 ราย มีจำนวนนายจ้าง 216 ราย และคาดว่าในช่วงสิ้นปี 2551 นี้ บริษัทจะสามารถเพิ่มเอ็นเอวีได้อีกประมาณ 500 - 600 ล้านบาท จากสมาชิกรายใหม่ ๆ เนื่องจากว่าบริษัทได้ออกไปสัมมนา ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงไปยังบริษัทต่าง ๆ ด้วย ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดนี่ถือว่าเป็นอีกกลยุทธหนึ่งที่บริษัทได้ใช้มาโดยตลอด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้เป็นอย่างดี ทำให้บริษัทที่เป็นสมาชิกนั้นส่วนใหญ่ที่เป็นบริษัทใหญ่ ๆ ยังคงต่อสัญญาและให้บลจ. กรุงไทย เข้าไปบริหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ ก.ส.ล. , บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ,กรมไปรษณีย์และการสื่อสาร และธนาคารกรุงไทย ที่ได้หมดสัญญาไปเมื่อไม่นานก็ได้ทำการต่อสัญญาให้ บลจ. กรุงไทย เข้าไปบริหารกองทุนดังกล่าวต่อเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าการบริหารพอร์ตของกองทุนดังกล่าวสามารถสร้างความไว้วางใจให้แก่สมาชิกได้เป็นอย่างดี
"จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนเป็นอย่างมาก ดังนั้น บริษัทต้องมีการปรับพอร์ตบ้าง เพื่อให้ผลการดำเนินงานนั้นอยู่ในระดับที่ดี ด้วย และจากการปรับพอร์ตครั้งนี้ ส่งผลให้พอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี เพราะจะเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่ ๆ ที่ให้เราเข้าไปบริหารให้นั้นส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายเดิมและเป็นลูกค้ารายใหญ่ด้วย ซึ่งถอว่าได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความไว้วางใจให้แก่สมาชิกได้อย่างต่อเนื่อง" นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทที่จัดว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ถึงบริษัทเล็ก ๆ ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ. กรุงไทยนั้น บริษัทก็ได้เข้าไปดูแลเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่แล้วจะจัดเข้าโครงการ Pull Fund โดยนำหลาย ๆ บริษัทเข้ามาลงทุนในกองทุนเดียวกัน เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเช่นกัน