บลจ.กรุงไทย ตั้งเป้าดันกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขยายตัว 11% หรือคิดเป็นมูลค่า 68,000 ล้านบาท ปรับแผนผนึกกำลังแบงก์แม่ จับกลุ่มสมาชิกระดับกลาง – ล่าง และกลุ่มราชการมากขึ้น ล่าสุด ได้รองเอ็มดีคนใหม่ เข้ามาบริหารสายงานการลงทุนครบวงจร
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบริหารงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund : PVD) ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถบริหารกองทุนได้กว่า 61,450 ล้านบาท และในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจดังกล่าวออกไปอีกโดยตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 68,000 ล้านบาท
สำหรับแผนงานในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะเข้าไปหาสมาชิก ทั้งบริษัทเอกชนที่มีระดับขนาดกลางรวมถึงบริษัทที่มีขนาดเล็ก และสถานที่ราชการที่ไม่เคยมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งในปีนี้นอกจากจะมีกองทุนพลูฟันด์ (pool fund) ที่จะนำหลาย ๆ บริษัทที่มีระดับกลาง – ล่าง มารวมกลุ่มลงทุนร่วมกันแล้ว ในปีนี้บริษัทยังเตรียมการลงทุนแบบ Employee’s choice ที่สามารถให้สมาชิกเลือกการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับตนเองได้
โดยในปีนี้บริษัทจะร่วมทำการตลาดกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นบริษัทแม่มากขึ้น ในการหาสมาชิกใหม่ ออกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ให้แก่สมาชิกได้ใช้สิทธิมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น อาจจะให้สมาชิกในกองทุน สามารถทำการกู้เงินในสวัสดิการได้มากขึ้น เพราะโครงการดังกล่าวนี้ในปีที่ผ่านได้มีการเปิดให้สมาชิกได้ใช้บริการมาบ้างแล้ว และถือว่าได้การตอบรับเป็นอย่างดี
"จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้มีการเลิกจ้างงานมากขึ้น รวมถึงการที่บางบริษัทต้องมีการปิดตัวลงไปนั้น ทำให้เราทำงานหนักขึ้นในการคิดค้นหาโปรโมชั่นที่ตรงใจกับสมาชิก โดยบริษัทจะร่วมกับแบงก์แม่ในการออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่นักลงทุนมากขึ้นในบริษัทเอกชนต่างๆ รวมถึงกลุ่มงานราชการในบางองค์กร ที่เพิ่งจะเริ่มมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งตรงนี้เราต้องเข้าไปให้ความรู้อย่างอย่างใกล้ชิด” กรรมการผู้จัดการ กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกถึงไตรมาสสองภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แต่การแข่งขันในกองทุนดังกล่าวในปีนี้ ยังคงมีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าแต่ละบริษัทเอง ก็มีการวางเป้าหมายของตนเองไว้ว่าต้องมีการเติบโตในภายภาคหน้าด้วย โดยในส่วนของการลงทุนนั้น ขณะนี้บริษัทได้บุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่จะมาแทน นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน ที่ได้ลาออกไปแล้ว โดยรองกรรมการผู้จัดการคนใหม่นี้ จะเข้ามาบริหารงานในสายงานการลงทุนทั้งหมดของบริษัท เพื่อให้กองทุนต่าง ๆ นั้นสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ รองกรรมการผู้จัดการคนใหม่จะเข้ามาทำงานให้กับ บลจ. กรุงไทย แล้วอย่างแน่นอน และจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย
ปัจจุบัน บลจ.กรุงไทย มีสมาชิกกว่า 200,000 ราย โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทที่ บลจ.กรุงไทยเข้าไปบริหารจะมีขนาดใหญ่หรือรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก เช่น บริษัทการบินไทย ที่ได้ให้ความไว้วางใจให้บริษัทเข้ามาบริหารกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4 แล้ว โดยมีมูลค่ากองทุนประมาณ 10,305 ล้านบาท นอกจากนี้แล้ว ยังมีบริษัทโตโยต้า , การสื่อสารแห่งประเทศไทย , ธนาคารเพื่อการเกษตร, ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) , การทางพิเศษแห่งประเทศไทย , การไปรษณีย์แห่งประเทศไทย ฯลฯ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ให้ความไว้วางใจบริหารกองทุนอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 5 – 6 ปี ทั้งนี้ การบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในบริษัทใหญ่ ๆ และรัฐวิสาหกิจนั้น ถือว่าเรามีมาร์เก็ตสูงสุดอยู่ในขณะนี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบริหารงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund : PVD) ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถบริหารกองทุนได้กว่า 61,450 ล้านบาท และในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจดังกล่าวออกไปอีกโดยตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 68,000 ล้านบาท
สำหรับแผนงานในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะเข้าไปหาสมาชิก ทั้งบริษัทเอกชนที่มีระดับขนาดกลางรวมถึงบริษัทที่มีขนาดเล็ก และสถานที่ราชการที่ไม่เคยมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งในปีนี้นอกจากจะมีกองทุนพลูฟันด์ (pool fund) ที่จะนำหลาย ๆ บริษัทที่มีระดับกลาง – ล่าง มารวมกลุ่มลงทุนร่วมกันแล้ว ในปีนี้บริษัทยังเตรียมการลงทุนแบบ Employee’s choice ที่สามารถให้สมาชิกเลือกการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับตนเองได้
โดยในปีนี้บริษัทจะร่วมทำการตลาดกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นบริษัทแม่มากขึ้น ในการหาสมาชิกใหม่ ออกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ให้แก่สมาชิกได้ใช้สิทธิมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น อาจจะให้สมาชิกในกองทุน สามารถทำการกู้เงินในสวัสดิการได้มากขึ้น เพราะโครงการดังกล่าวนี้ในปีที่ผ่านได้มีการเปิดให้สมาชิกได้ใช้บริการมาบ้างแล้ว และถือว่าได้การตอบรับเป็นอย่างดี
"จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้มีการเลิกจ้างงานมากขึ้น รวมถึงการที่บางบริษัทต้องมีการปิดตัวลงไปนั้น ทำให้เราทำงานหนักขึ้นในการคิดค้นหาโปรโมชั่นที่ตรงใจกับสมาชิก โดยบริษัทจะร่วมกับแบงก์แม่ในการออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่นักลงทุนมากขึ้นในบริษัทเอกชนต่างๆ รวมถึงกลุ่มงานราชการในบางองค์กร ที่เพิ่งจะเริ่มมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งตรงนี้เราต้องเข้าไปให้ความรู้อย่างอย่างใกล้ชิด” กรรมการผู้จัดการ กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกถึงไตรมาสสองภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แต่การแข่งขันในกองทุนดังกล่าวในปีนี้ ยังคงมีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าแต่ละบริษัทเอง ก็มีการวางเป้าหมายของตนเองไว้ว่าต้องมีการเติบโตในภายภาคหน้าด้วย โดยในส่วนของการลงทุนนั้น ขณะนี้บริษัทได้บุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่จะมาแทน นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน ที่ได้ลาออกไปแล้ว โดยรองกรรมการผู้จัดการคนใหม่นี้ จะเข้ามาบริหารงานในสายงานการลงทุนทั้งหมดของบริษัท เพื่อให้กองทุนต่าง ๆ นั้นสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ รองกรรมการผู้จัดการคนใหม่จะเข้ามาทำงานให้กับ บลจ. กรุงไทย แล้วอย่างแน่นอน และจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย
ปัจจุบัน บลจ.กรุงไทย มีสมาชิกกว่า 200,000 ราย โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทที่ บลจ.กรุงไทยเข้าไปบริหารจะมีขนาดใหญ่หรือรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก เช่น บริษัทการบินไทย ที่ได้ให้ความไว้วางใจให้บริษัทเข้ามาบริหารกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4 แล้ว โดยมีมูลค่ากองทุนประมาณ 10,305 ล้านบาท นอกจากนี้แล้ว ยังมีบริษัทโตโยต้า , การสื่อสารแห่งประเทศไทย , ธนาคารเพื่อการเกษตร, ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) , การทางพิเศษแห่งประเทศไทย , การไปรษณีย์แห่งประเทศไทย ฯลฯ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ให้ความไว้วางใจบริหารกองทุนอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 5 – 6 ปี ทั้งนี้ การบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในบริษัทใหญ่ ๆ และรัฐวิสาหกิจนั้น ถือว่าเรามีมาร์เก็ตสูงสุดอยู่ในขณะนี้