xs
xsm
sm
md
lg

KTAMขาย2กองทุนบอนด์เอกชน อายุ3-6เดือนชูผลตอบแทน2-2.30%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - บลจ.กรุงไทย เปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้เอกชน อายุ 3 "กรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้ 3เดือน7" และ 6 เดือน"กรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน4" ชูผลตอบแทน 2-2.30% ต่อปี เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้ 3เดือน7 ( KTSUP3M7) และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน4 ( KTSIV6M4) ในวันที่ 21-27 มกราคม 2552 เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน

โดยกองทุน KTSUP3M7 เป็นกองทุนที่มีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท กองทุนจะลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารสินเอเชีย และธนาคารเกียรตินาคิน ในสัดส่วน 25% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในบมจ.บริษัทโตโยต้า ลิสซิ่ง บมจ.ไทยออยล์ และ บมจ.พฤกษา ในสัดส่วนบริษัทละ25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะมีผลตอบแทนประมาณการที่ 2.00% ต่อปี

ส่วนกองทุน KTSIV6M4 มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก และตั๋วแลกเงินของธนาคารเกียรตินาคิน และธนาคารธนชาต ในสัดส่วน 25% ลงทุนในตั๋วแลกเงินของบมจ.บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บมจ. ภัทรลีสซิ่ง และบมจ. เอ็มบีเค ในสัดส่วนบริษัทละ25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะมีผลตอบแทนประมาณการที่ 2.30% ต่อปี

นายสมชัย กล่าวถึง ภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ว่าอัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังคงปรับตัวลงอีก 2 – 8 bp มาอยู่ในระดับ 1.80 – 2.00% หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.75 % มาอยู่ในอัตรา 2.00% ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ พันธบัตรภาครัฐระยะสั้นยังเป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก ทั้งจากความต้องการของกองทุนรวมและนักลงทุนสถาบัน ที่ต้องการลดความผันผวนของตราสารที่มีรุ่นอายุกลางถึงยาว

สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรก (A- ขึ้นไป) ยังให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพันธบัตรภาครัฐ เนื่องจากนักลงทุนมีการปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เหล่านี้ ขณะที่ผู้ออกตราสารภาคเอกชนหลายแห่งหันมาออกตราสารระยะสั้นเพื่อใช้บริหารสภาพคล่องมากขึ้น จึงทำให้ปริมาณตราสารหนี้โดยรวมมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ credit spread ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเปิดจำหน่ายกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารการเงินของธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรกขึ้นไป และผลตอบแทนของผู้ลงทุนจะไม่เสียภาษีหัก ณที่จ่าย 15%

ขณะเดียวกันภายในปีนี้ บลจ.กรุงไทย มีแผนที่ออกกองทุนต่างประเทศอีกประมาณ 4-5 กองทุนในช่วงปีนี้ โดยจะเป็นกองทุนต่างประเทศที่มีการกระจายการลงทุนออกไปในหลายๆ ส่วนเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งทางบริษัทต้องการที่จะให้นักลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านของตลาดการลงทุน โดยสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นต้องเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม

นอกจากนี้ ทางบริษัทจะร่วมมือกับธนาคารซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและเป็นผู้แทนจำหน่ายกองทุน นอกจากนี้ทางบริษัทเองก็กำลังที่จะเพิ่มศักยภาพในการลงทุนให้แก่ลูกค้าด้วยกระบวนการซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ต รวมทั้งทางยังได้เพิ่มสายการตลาดของบริษัทขึ้นอีก 1 สาย โดยจะเริ่มเปิดบริการในส่วนของอินเตอร์เน็ทได้ประมาณเดือนกุมพันธ์ -เมษายน ปีนี้

“ปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ว่ามูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร(เอยูเอ็ม) ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15% จาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 51 บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์กว่า 190,000 ล้านบาท ซึ่งมีกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหาร และจัดการหลายประเภทด้วยกัน ทั้งกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนส่วนบุคคล” นายสมชัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น