บลจ.กรุงไทยส่งกองทุนตราสารหนี้โรโอเวอร์อีก 2 กอง ลงทุนทั้งพันธบัตรเกาหลีใต้เเละตราสารหนี้ภาคเอกชน รับผลตอบเเทนสูงกว่าเงินฝาก เปิดขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 24 กุมภาพันธ์ ขณะที่บลจ.ทหารไทยส่งด้วย 3 กองเน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาล ขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2552
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่จะมีในวันที่ 25 ก.พ. นี้ คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25 -0.50% จากระดับปัจจุบันที่ 2.00% ส่วนแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นในประเทศอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 1.44 - 1.53%ต่อปี นั้น แม้ว่าตั๋วเงินคลังยังคงมีการเปิดประมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังมีอยู่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกองทุนตลาดเงินและกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้พันธบัตรภาครัฐที่เน้นความมั่นคงสูง ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนยังคงให้ผลตอบแทนสูง โดยเกิดจากความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเครดิตในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พบว่ายังมีตราสารหนี้ของบริษัทหรือสถาบันการเงินที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสภาพคล่องที่ดี
โดยในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ12เดือน2 ( KTGF12M2) ประมาณการผลตอบเเทน 4.30 - 4.80 % ต่อปี และจะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5 ( KTSIV6M5) ที่ประมาณการผลตอบเเทน1.70% ต่อปี โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2552
สำหรับกองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ12เดือน2 มีอายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงินที่มีคุณภาพ เช่น ตราสารการเงินประเภท Euro Commercial Paper (ECP) หรือ Euro Medium Term Note (EMTN) ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรกขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือ บริษัทอาจพิจารณาลงทุนบางส่วนในประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด นอกจากนี้ เงินลงทุนจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยผลตอบแทนของตราสารที่กองทุนลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.30 - 4.80 % ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน
ส่วนกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5 มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน ซึ่งประกอบด้วย เงินฝาก /บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารสินเอเซีย และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 25% ลงทุนหุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ตั๋วแลกเงินของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น ในสัดส่วนบริษัทละ 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่1.70% ต่อปี ซึ่งหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุนแล้ว นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15%
ทางด้านรายงานข่าวจากบลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน รุ่นที่ 2 ประมาณการผลตอบเเทน 1.07% ต่อปี กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 6 เดือน รุ่นที่ 2 ประมาณการผลตอบเเทน1.05% เเละกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร1 ปี รุ่นที่ 2 ประมาณการผลตอบเเทนอยู่ที่1.10% ต่อปี เปิดขายหน่วยลงทุนเเลัวตั้งเเต่วันนี้ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2552
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่จะมีในวันที่ 25 ก.พ. นี้ คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25 -0.50% จากระดับปัจจุบันที่ 2.00% ส่วนแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นในประเทศอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 1.44 - 1.53%ต่อปี นั้น แม้ว่าตั๋วเงินคลังยังคงมีการเปิดประมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังมีอยู่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกองทุนตลาดเงินและกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้พันธบัตรภาครัฐที่เน้นความมั่นคงสูง ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนยังคงให้ผลตอบแทนสูง โดยเกิดจากความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเครดิตในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พบว่ายังมีตราสารหนี้ของบริษัทหรือสถาบันการเงินที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสภาพคล่องที่ดี
โดยในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ12เดือน2 ( KTGF12M2) ประมาณการผลตอบเเทน 4.30 - 4.80 % ต่อปี และจะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5 ( KTSIV6M5) ที่ประมาณการผลตอบเเทน1.70% ต่อปี โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2552
สำหรับกองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ12เดือน2 มีอายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงินที่มีคุณภาพ เช่น ตราสารการเงินประเภท Euro Commercial Paper (ECP) หรือ Euro Medium Term Note (EMTN) ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรกขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือ บริษัทอาจพิจารณาลงทุนบางส่วนในประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด นอกจากนี้ เงินลงทุนจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยผลตอบแทนของตราสารที่กองทุนลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.30 - 4.80 % ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน
ส่วนกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5 มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน ซึ่งประกอบด้วย เงินฝาก /บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารสินเอเซีย และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 25% ลงทุนหุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ตั๋วแลกเงินของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น ในสัดส่วนบริษัทละ 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่1.70% ต่อปี ซึ่งหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุนแล้ว นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15%
ทางด้านรายงานข่าวจากบลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน รุ่นที่ 2 ประมาณการผลตอบเเทน 1.07% ต่อปี กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 6 เดือน รุ่นที่ 2 ประมาณการผลตอบเเทน1.05% เเละกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร1 ปี รุ่นที่ 2 ประมาณการผลตอบเเทนอยู่ที่1.10% ต่อปี เปิดขายหน่วยลงทุนเเลัวตั้งเเต่วันนี้ถึง 20 กุมภาพันธ์ 2552