xs
xsm
sm
md
lg

3 บลจ.เปิดขายกองบอนด์ในประเทศ เน้นลงทุนตราสารหนี้เอกชน-รัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - บลจ.บัวหลวงคลอดกองทุนตราสารหนี้ "บัวหลวงธนรัฐ 30/08" เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลความเสี่ยงต่ำ อายุ 4 – 6 เดือนยิลด์ประมาณ 2% ด้าน บลจ.กรุงไทยส่ง 2 กองทุนใหม่ได้แก่ "กรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3" และ "กรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน3" เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน ผลตอบแทนประมาณ 2.90 - 2.95%ทั้ง 3 กองทุนเปิดขายพร้อมกัน 17 – 23 ธ.ค.นี้ ขณะที่ บลจ.นครหลวงไทยไอพีโอ "SCI FTBD3M4/08" เน้นลงทุนเฉพาะเงินฝาก และพันธบัตรรัฐบาล เปิดขายวันนี้ (17 ธ.ค.) เป็นวันสุดท้าย

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด (BBLAM) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2551 นี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 30/08 (B30/08) กองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภทในซีรีย์ของกองทุนธนรัฐ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในเมืองไทย มีอายุโครงการ 4 - 6 เดือน และมีมูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท และมีผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 2% เพราะขณะนี้ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลได้ปรับลดลงมาตามอัตราดอกเบี้ย

สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 30/08 เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยกองทุนกำหนดการลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

โดย กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยหรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ( Derivatives ) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)

นายวศินกล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และคาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามทางบริษัทนั้นมีกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ในประเทศอยู่แล้ว แต่แตกต่างจากกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐเพราะกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีมีการลงทุนในตราสารหนี้ของภาคเอกชนรวมอยู่ด้วย และยังมีผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ ประมาณ 3% ต่อปี จึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่นักลงทุนที่ต้งการลงทุนในตราสารหนี้

ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนที่จะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3) และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน3 ( KTSIV6M3) ในวันที่ 17 - 23 ธันวาคม 2551

ทั้งนี้กองทุน KTSIV3M3 และ KTSIV6M3 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุน KTSIV3M3 มีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก ของธนาคารธนชาต และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วน 26.50% ลงทุนในตั๋วแลกเงินของบมจ.ภัทรลิสชิ่ง , บมจ.บัตรกรุงไทย และบมจ.ไทยออยล์ ในสัดส่วนบริษัทละ 24.50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 2.90% ต่อปี

ส่วนกองทุน KTSIV6M3 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท กองทุนจะลงทุนในเงินฝาก /บัตรเงินฝากของธนาคารไทยธนาคาร และธนาคารทิสโก้ในสัดส่วน 25% ลงทุนในตั๋วแลกเงินของ บมจ..เอ็มบีเค,บมจ.น้ำตาลมิตรผล และบมจ.ภัทรลีสชิ่ง ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 2.95%ต่อปี

นายสมชัย กล่าวถึง ภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ว่า ธนาคารพาณิชย์ได้เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 0.50–1.00 และดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 0.25–0.50 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น 3 เดือน ปรับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 2.27 มีสัดส่วน Bid Coverage 5.2 เท่า โดยในสัปดาห์ที่แล้วผลประมูลพันธบัตรระยะสั้น 3 เดือน อยู่ที่ร้อยละ 2.45 มีสัดส่วน Bid Coverage 4.0 เท่า ซึ่งแสดงถึงความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ จากความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของไทยซึ่งคาดว่าจะเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 2 ในปี 2009 และความไม่มั่นใจของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทำให้ตลาดตราสารหนี้มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ย R/P 1 วัน จะมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 0.50 ในการประชุม กนง. ครั้งถัดไป ดังนั้น การซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ยังคงเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเป็นหลัก

ขณะที่รายงานจาก บลจ.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้ปิดเสนอขายกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม บีดี3M4/08 (SCI FTBD3M4/08) โดยจะเน้นลงทุนเฉพาะเงินฝาก และพันธบัตรรัฐบาล มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 3 เดือน โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 11 - 17 ธันวาคม 2551และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท

สำหรับกองทุน SCI FTBD3M4/08 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งในและหรือต่างประเทศ และหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น โดยกองทุนอาจลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) นอกจากนี้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management) ซี่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และกองทุนจะลงทุนในตราสารส่วนใหญ่ที่มีอายุใกล้เคียงกับอายุโครงการเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดและสภาพคล่องจากการลงทุนในตราสารประเภทนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น