xs
xsm
sm
md
lg

พิษหุ้น ปตท.ถล่มตลาดหุ้นไทยรูดเกือบ 20 จุด กังวลหมกตัวเลข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แรงขายหุ้น ปตท.ฉุดดัชนีหุ้นไทนรูดลงกว่า 4.19% มากกว่าตลาดภูมิภาค โบรกฯ คาดนักลงทุนกังวลผลประกอบการ ปตท. ไตรมาส 4 ปี 2551 ขาดทุนมากกว่าที่คาดเอาไว้

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 433.81 จุด ลดลง 18.99 จุด เปลี่ยนแปลง -4.19% มูลค่าการซื้อขาย 12,905.06 ล้านบาท โดยมีแรงขายอย่างหนักในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะมีปัญหาขาดทุนอย่างหนัก

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บล.ธนชาต กล่าวยอมรับว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเร็วมาก มาจากการขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นการขายต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เพราะกังวลผลประกอบการของกลุ่ม ปตท. ที่คาดว่าจะขาดทุนในไตรมาส 4 ปี 2551 มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ ดึงให้หุ้นในกลุ่ม ปตท. ลงมามาก

นอกจากนี้ เป็นผลจากสินค้าโภคภัณฑ์(commodity) ปรับตัวลงมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์ก (NYMEX) ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงรวดเดียว 7% หรือลดลงถึง 3.24 ดอลลาร์ โดยปิดที่ 37.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้มีแรงขายในหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ออกมามากพอสมควร

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.ฟินันซ่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของกลุ่ม ปตท. และกลุ่มนี้ก็มีน้ำหนักมากในดัชนีฯ ส่วนที่ตลาดภูมิภาคปรับตัวลงก็ด้วยสาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการที่เชื่อว่าก็ไม่ได้ดีไปกว่าบ้านเรา

นอกจากนี้ การประกาศผลประกอบการของสหรัฐฯทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้เข้าสู่ภาวะตกต่ำ โดยดูได้จากตัวเลขการปลดคนงานในสหรัฐฯ และทางบูมเบิร์ก ก็มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปีนี้ลงเป็น -1.5% จากเดิมที่เคยมอง -1% ซึ่งการปรับมุมมองลดลงนี้ก็ถือว่ามากเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังมีแรงหนุนจากการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มาตรการนี้ตลาดฯก็ถือเป็นข่าวเดิม ๆ ที่ได้รับรู้ไปบ้างแล้ว

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายวรุตม์ กล่าวว่า ถ้าคืนนี้ตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อ อันเนื่องมาจากเรื่องเศรษฐกิจ ก็จะทำให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคปรับตัวลงต่อ และตลาดบ้านเราก็คงจะปรับตัวลงด้วย โดยมองว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตลาดเอเชียคงจะยังอิงอยู่กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯอยู่ แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็จะแยกออกจากกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น