แรงซื้อแบงก์-อสังหาฯ หนุนหุ้นภาคบ่ายปิดบวก 5.78 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 181.05 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งแตะ 34.40 บาท/ดอลลาร์ คาดมีการโยกเงินเก็งกำไร 2 ตลาด ขณะที่ปัจจัยการเมืองยังเป็นบวก ส่วนปัจจัยต่างประเทศ มองว่ายังรอจังหวะที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (18 ธันวาคม 2551) ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 451.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.78 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.30% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 13,626.08 ล้านบาท โดยวันนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 181.05 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 201.25 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 20.19 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแตะ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดนักลงทุนโยกเม็ดเงินเปลี่ยนกลุ่มเล่น และมีการโยกเก็งกำไร 2 ตลาดด้วย
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาได้ดี ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยมีปัจจัยการเมืองหนุน และความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดใหม่
นอกจากนี้ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลงทำให้เกิดการเก็งกำไรหุ้นที่อ่อนไหว อย่างกลุ่มแบงก์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง จึงเป็นกลุ่มที่ขึ้นมานำตลาดในวันนี้ ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานวันนี้ ก็ไม่จะเป็นตัวดึงตลาดมากนัก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้มีการร่วงลงมาก
ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศ ยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจยังออกมาแย่อยู่ และตลาดก็ตอบรับเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว อีกทั้งตลาดฯกำลังรอดูการแก้ไขปัญหาของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐฯว่าจะออกมาเป็นอย่างไรด้วย รวมทั้งรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นว่า จะมีนโยบายในเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างไร แต่ทั้งนี้ทิศทางดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง ดังนั้นตลาดบ้านเราก็น่าจะเป็นขาลงด้วย ซึ่งก็จะไปสนับสนุนหุ้นในกลุ่มแบงก์ และอสังหาริมทรัพย์
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(19 ธันวาคม 2551) นายพิชัย มองว่าตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาไกล จึงน่าจะเห็นการพักฐาน ซึ่งสังเกตุจาก 2 วันที่ผ่านมาก็มีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะๆ และน่าจะอยู่ในลักษณะของการแกว่งตัว โดยให้แนวต้านที่ 455, 463 จุด แนวรับ 440 จุด พร้อมแนะนำว่า รอบนี้ดัชนีขึ้นเร็วมาได้ถึง 12-13% ดังนั้น เชื่อว่าคงไม่น่าจะวิ่งไปไกลกว่านี้ ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นมีการขยับขึ้น ก็ควรจะขายทำกำไรออกมาก่อน แล้วค่อยไปรอซื้อเมื่อราคาปรับฐานลงมา
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ซึ่งช่วงเช้าปรับตัวตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ลดลงจากนั้นก็เพิ่มขึ้น ส่วนช่วงบ่ายยังดีดตัวขึ้นได้ต่อตอบรับโผ ครม.ชุดใหม่ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น หลังเตรียมนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2551 รวมทั้งเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลักที่ช่วยหนุนตลาด ขณะที่กลุ่มพลังงานแกว่งตัวผันผวนตามราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่มีแนวโน้มลดลงอีก
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 19 ธันวาคม 2551 มองว่า ยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากรับข่าวดีหมดแล้ว ซึ่งจากนี้ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแท้จริง เพราะเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐถูกใช้ไปหมดแล้ว โดยประเมินแนวรับที่ 443-445 จุด และแนวต้าน 455-457 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนทยอยซื้อเมื่อดัชนีปรับลดลงในหุ้นกลุ่มธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ก่อนเทขายช่วงต้นปี 2552 ขณะที่กลุ่มพลังงานควรชะลอซื้อจนกว่าราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าจะเสถียรภาพหรืออยู่ในระดับ 35-36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
**บาทแข็งแตะ 34.40 แบงก์ชาติยังนิ่ง
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 34.40-34.42 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวันแข็งค่าสุดที่ระดับ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินบาทในช่วงนี้ถือว่าเป็นการแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินในภูมิภาค ส่วนวันพรุ่งนี้ก็คาดว่าจะยังคงแข็งค่าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะยังไม่พบว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าแต่อย่างใด