xs
xsm
sm
md
lg

ธนชาตฟันธงหุ้นไม่หลุด 300 ซื้อของราคาถูกลงทุนยาว 3 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก.ล.ต.เตือนนักลงทุนเลือกลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ยันไทยไม่มีปัญหาวิกฤตทางการเงินซ้ำรอยสหรัฐฯ เตรียมผ่อนเกณฑ์หนุนบล.ทำธุรกิจรองรับเปิดเสรีในปี 55 ด้าน บล.ธนชาต เชื่อดัชนีมีโอกาสหลุด 400 จุด แต่ไม่ต่ำกว่า 300 จุดแน่ เหตุกำไรบจ.ปีนี้อยู่เกณฑ์ดี ครึ่งปีฟันกำไรไปแล้ว 4 แสนล้านบาท แนะราคาหุ้นลดลงเป็นโอกาสซื้อหุ้นถูกลงทุนยาว 2-3 ปี ด้านนายกสมาคมบลจ.ชี้ ภาพรวมบลจ.ปีหน้าไม่โต แต่ประคองตัวถือว่าดีแล้ว

นางดวงมน จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับธุรกิจนายหน้าและค้าหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ... ต้องฉลาดลงทุน” ว่า จากวิกฤตการเงินสหรัฐฯ นั้นก.ล.ต.ได้ติดตามข้อมูลและวิเคราะห์ฐานะการเงินของสถาบันการเงินเป็นรายวัน และยังไม่พบบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งใดที่ประสบปัญหา

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ต้องการให้นักลงทุนมั่นใจประเทศไทยจะไม่เกิดปัญหาเหมือนกับสหรัฐฯ จากเกณฑ์ในการทำธุรกิจที่เข้มงวดกว่าในต่างประเทศ และมีการออกเกณฑ์ที่ปกป้องสิทธิของผู้ที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก.ล.ต.เตรียมที่จะมีการผ่อนคลายเกณฑ์ในบางเรื่องที่จะสนับสนุนให้ภาคธุรกิจหลักทรัพย์มีการทำธุรกิจได้สะดวกมากขึ้น เพื่อที่จะรองรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น) และเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซ่นส์) ในปี 2555 เช่น ในเรื่องการควบรวม และการโอนลูกค้าหลังที่บล.มีการควบรวม และเร็วๆ นี้จะมีการออกเกณฑ์ในการขอใบอนุญาตซื้อขายให้กับโบรกเกอร์ในการประกอบธุรกิจโกลฟิวเจอร์ส ฯลฯ

***กำไรบจ.ช่วยพยุงดัชนีหุ้นไทย

นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 400 จุด จากปัจจัยลบเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตทางการเงินสหรัฐฯ และยุโรปที่ลุกลาม แต่เชื่อว่าดัชนีจะไม่ต่ำกว่า 300 จุด เพราะกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยถือว่ายังดีอยู่ ซึ่งในครึ่งปีแรกปีนี้ บริษัทจดทะเบียนไทย 470 บริษัท มีกำไรรวม 4 แสนล้านบาท และจ่ายเงินปันผลรวมถึง 2 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ หากในช่วงครึ่งปีหลังบจ.ไม่มีกำไร หรือมีกำไรเป็นศูนย์ แต่ภาพรวมกำไรปีนี้ยังดีอยู่ที่มีประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ในทางตรงกันข้ามหากในช่วงครึ่งปีหลังบจ.ยังมีกำไรที่ดีจะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อยู่ที่ระดับ 500 จุด ซึ่งถือว่าวิกฤตการเงินในต่างประเทศครั้งนี้แตกต่างจากวิกฤตทางการเงินปี 2540 ที่บริษัทจดทะเบียนไทยมีผลขาดทุนถึง 3 แสนล้านบาท

“ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในรอบ 300-500 จุด มีโอกาสที่จะลดลงกว่า 400 จุด แต่เชื่อว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 300 จุด จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังดีอยู่หากในครึ่งปีหลังไม่มีกำไร ก็ถือว่าปีนี้ยังมีกำไรที่ดีจากครึ่งปีแรก บจ. 470 แห่ง มีกำไรรวม 4 แสนล้านบาท”

นางสาวสุวภา กล่าวว่า นับจากนี้หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายจะนับได้ว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นนักลงทุนจะต้องติดตามผลประกอบการของบจ.ในไตรมาส 4/51 ที่จะมีการประกาศออกมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย

ส่วนกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากนั้น เป็นโอกาสนักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ถูก เช่น บล.ธนชาตได้มีการประเมินมูลค่าพื้นฐานของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP จะอยู่ที่ 110-120 บาทต่อหุ้น แต่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 20 บาทนั้น ซึ่งถือว่าซื้อในราคาที่ถูกกว่าผู้ก่อตั้งบริษัทถึง 5 เท่า แต่นักลงทุนต้องประเมินว่าสามารถที่จะลงทุนจากนี้ไปได้ยาวได้ ถึง 2-3 ปีหรือไม่

***บลจ.ปีหน้าประคองตัว

นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง และในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤตการเงินสหรัฐส่งผลให้สินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของบลจ.ต่างๆ ปรับตัวลดลง ซึ่งบลจ.บัวหลวงพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศเดิมมีมูลค่า 25% ปรับตัวลดลงเหลือ 10%

จากปัญหาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศนั้น ต้องชื่นชมการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีการหารือร่วมกับธนาคารกลางประเทศในภูมิภาคเอเชียจัดต้องกองทุนเพื่อรองรับประเทศที่จะประสบปัญหาสภาพคล่อง และการทำงานของก.ล.ต.ที่มีการประสานงานกับบลจ. และบล.ในการเตรียมตัวรับมือ

สำหรับประเด็นที่ก.ล.ต.ยังไม่อนุญาตให้บลจ.ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ใบอนุญาตอนุพันธ์ห้ามลงทุนในอนุพันธ์ เพื่อที่จะเข้าไปลงทุนในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตนั้น ถือเป็นมีผลเสียต่อบลจ.จากราคาหุ้นที่มีการปรับตัวลดลง เพราะในการเรียน และสอบใบอนุญาตอนุพันธ์นั้นจะต้องใช้เวลานาน จึงอยากให้ก.ล.ต.อนุญาตให้บลจ.ลงทุนในอนุพันธ์ได้โดยไม่ต้องสอบ จากที่การพิจารณาลงทุนต่างๆ ของบลจ.นั้นมีการพิจารณาที่รอบคอบดีอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ในเรื่องการออกสินค้าใหม่ๆ นั้น ก.ล.ต.ควรที่จะดูแลในการออกสินค้าใหม่ๆ นั้นจะต้องไม่ซับซ้อนเข้าใจง่าย ไม่ควรคิดสินค้าที่มีความซับซ้อนมาก เพราะเมื่อเกิดปัญหาจะแก้ไขลำบาก เหมือนกับวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่ไม่สามารถควบคุมปัญหาได้

นางวรวรรณ กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันมีความน่าสนใจมาก จากราคาที่ปรับตัวลดลงมาก แต่ควรเน้นลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเป็นเจ้าของ เพราะเมื่อเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เสียหายก็ยังคงมีสิทธิในการคอบครองที่ดี และกองทุนอีทีเอฟ ถือว่าน่าสนใจจากที่นักลงทุนสามารถติดตามในเรื่อง NAV ได้ตลอด จากที่มีการประกาศเป็นเรียลไทม์

“นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการกระจายเงินลงทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งควรมีแบ่งการลงทุนในความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ พันธบัตรไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรง หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวม และก่อนที่จะลงทุนในหุ้นควรที่จะมีการลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และกอทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ไว้ก่อน และให้นำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนในหุ้นต่อไป ซึ่งจะถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี” นางวรวรรณ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น