xs
xsm
sm
md
lg

พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ปี2552 ดี-ร้ายเเละซบเซาตามเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากนักวิเคราะห์หลากหลายสถาบันออกมาพูดเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2552 จะชะลอตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยก็เริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวบ้างเเล้ว จากวิฤกตการสถาบันการเงินที่เกิดขึ้น โดยอุตสหกรรมกองทุนรวมก็ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมต่างประเทศหรือ FIF เเละ กองทุนหุ้น ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ยังมองอีกว่า ปี 2552 จะเป็นยุคที่ กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือ พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ซบเซา ตามภาวะเศรษฐกิจ เรามาดูกันว่าผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เห็นด้วยกับนักวิเคราะห์หรือไม่

สมพร บุรินทรารธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 ว่า ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ต่อไปสภาพคล่องจะมีน้อยลง กองทุนที่จัดตั้งใหม่ และการเพิ่มทุนของกองทุนเดิมจะเกิดขึ้นได้น้อย เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงจะส่งผลต่อทั้งอุปสงค์และอุปทาน โดยการพัฒนาโครงการใหม่จะน้อยลง ส่วนโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จอาจหยุดชะงัก หรือหยุดโครงการโดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกันสินทรัพย์ที่ใช้ในการทำธุรกิจอย่างเช่น อพาร์ทเม้นต์ เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ โรงแรมจะประสบปัญหาจากจำนวนลูกค้าที่ลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ดังนั้นถ้าปัญหาวิกฤตการเงินยืดเยื้อ เรื่องดังกล่าวจะส่งผลต่อภาพรวมเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเราต้องดูตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอให้ดี เพราะที่ผ่านมาตัวเลขดังกล่าวมีการลดลง อีกทั้งในหลายปีที่ผ่านมาจากข้อมูลพบว่านักลงทุนที่เข้ามาจะเป็นรายเล็กและผู้ประกอบการขนาดกลาง ซี่งมีบริษัทแม่อยู่มในต่างประเทศ เข้ามาเช่าพื้นที่และโรงงานในไทย ดังนั้นเมื่อบริษัทแม่เกิดปัญหานักลงทุนเหล่านี้พร้อมที่ถอนเงินออกจากไทยได้ในทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมเช่นกัน

โดยวิธีแก้ไขของผู้ประกอบการ คืออาจมีการเสนอขายโครงการใหม่ให้นักลงทุนที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องกู้สินเชื่อในประเทศมากนัก หรือเป็นพวกแหล่งทุนที่มีเงินสดสูง ส่วนนักลงทุนที่สนใจมีความรู้ และประสบการณ์ด้านลงทุนที่สูง ส่วนการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาฯ นักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของรายได้และโครงสร้างในการจัดการทรัพย์สินของกองทุนให้มากขึ้น รวมถึงปัจจัยในเรื่องสิทธิตามกฏหมายในการครอบครองสินทรัพย์ การสร้างดุลยภาพระหว่างความเสี่ยงในการลงทุนและการเติบโตของสินทรัพย์

วศิน วัฒนวรกิจกุล  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บลจ.บัวหลวง มองว่า ในเรื่องนี้มองได้ 2 มุม ตามปกติเเล้ว เมื่อถึงเวลาเศรษฐกิจชะลอตัว นักลงทุนก็ระมัดระวังตัวในการลงทุนเป็นธรรมดา ซึ่งต้องมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบเเทนดีเเละมีความเสี่ยงน้อย กองทุนอสังหาริมทรพย์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่ให้ผลตอบเเทนที่ดีกว่าลงทุนในตราสาารหนี้ ที่ให้ดอกเบี้ยเพียง 2-3% เท่านั้น ต่างกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบเเทนมากถึง 7-8% ถึงเเม้ว่าเศรษฐกิจในปี 2552 จะชะลอตัวก็ตาม เเต่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้

โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในกองทุนอสังหาริมทรัพย์คือ สินทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน ว่าน่าสนใจเเค่ไหนไม่ว่าจะเป็นกองทุนประเภทสิทธิการเช่า( Leasdhold) หรือกองทุนประเภทเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) อาจจะเป็น อาคารสำนักงานให้เช่า โรงเเรมเซอร์วิสอาพาร์ทเมนต์ โรงงานให้เช่า โดยหลายคนมองว่า โรงเเรม เซอร์วิสอาพาร์ทเมนต์ จะได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ทั้งนี้น่าจะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของทีมผู้บริหารนั้นๆ

สำหรับเเผนการออกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.บัวหลวงในอนาคตนั้น เรามองว่าถ้ามีสินทรัพย์ที่ดีน่าลงทุน ซึ่งเราก็มีเกณฑ์ในการเลือกสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนคือ 1.มีความมั่นคงในเเง่ของรายได้ 2.โลเคชั่นต้องดี เเละที่สำคัญราคาของสินทรัพย์ต้องราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต 3.สินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนต้องเป็น Freehold

ทางด้าน จุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาดกองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า หลายฝ่ายอาจมองว่าเศรษฐกิจในปี 2552 จะชะลอตัวลงก็ตาม เเต่ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังของปี 2552 น่าจะดีขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามปกติที่นักลงทุนย่อมเกรงกลัวกับการลงทุนที่มีความเสี่ยง อย่างเช่นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นหรือกองทุนรวมตลาดเงิน ขณะที่กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF เเละกองทุนอสังหาริมทรัพย์ นั้นอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากนัลงทุนในช่วงรี้ เเต่เรามีเเผนในปีหน้าว่าจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคงต้องชะลอออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ในครึ่งปีหลัง 52 ว่าเเนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับ วนา พูลผล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี มองว่า ตากปกติเมื่เศรษฐกิจชะลอตัว กองทุนย่อมได้รับผลกระทบโดยตรงอยู่เเล้ว ซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุน โดยกองทุนที่นักลงทุนเลือกลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอก็คือ กองทุนตราสารหนี้ ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อาจะมีให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนบ้างในปี 2552 เเต่คงไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของนักลงทุนที่จะลงทุนในกองทุนดังกล่าวยังมีน้อย ประกอบกับขนาดการจัดตั้งกองทุนต้องมีขนาดใหญ่นั้นเอง

ส่วนที่บอกว่ากองทุนอสังหาริมทรัยพ์ประเภทโรงเเรม หรือ อพาร์ทเม้นต์ เเละเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงนั้นก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นตามด้วยว่า สินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนนั้นตั้งอยู่สถานที่ใด เช่น เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ต้องดูว่าตั้งอยู่ในย้านธุรกิจหรือไม่ ส่วนผู้เช่านั้นเป็นลูกค้าประเภทใด เช่นกัน

เปิดโผกองทุนอสังหาฯสภาพคล่องสูง

โดยก่อนหน้านี้รายงานข่าวจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำส่วนใหญ่ยังคงมีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่มากกว่า 11% แต่มีเพียงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน (TFUND) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย (SPF) , กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่มีสภาพคล่องสูงพอ

ด้านหน่วยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยนั้น บทวิเคราะห์ของบล.กิมเอ็ง ระบุว่า บริษัทให้คำแนะนำ "ซื้อลงทุน" โดยกำหนดราคาเป้าหมายที่ 11.50 บาท เนื่องมาจากในไตรมาส 2/51 กองทุนมีรายได้จากการลงทุนสุทธิใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะลดลง 18% เพราะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของสมุย ในขณะที่รายได้จากสิทธิการเช่าสนามบินสมุยเท่ากับ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีรายได้จากดอกเบี้ยรับอีก 2.17 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมนั้นลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ในระยะยาวคาดว่าสนามบินสมุยจะมีศักยภาพในการเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารสูง ภายหลังเปิดให้สายการบินไทยสามารถลงจอดได้โดยมีเที่ยวบินสัปดาห์ละ 14 เที่ยวบินในปี 2551 โดยคาดหมายว่า SPF จะมีจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าเพิ่มขึ้น 6% และปริมาณเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้น 9% โดยประมาณการรายได้จากเงินลงทุนสุทธิที่ 791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน
ขณะเดียวกันกองทุนประกาศจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 2/51 ที่ 0.2075 บาทต่อหน่วย และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งกองทุนได้จ่ายปันผลงวดไตรมาส 1 ไปแล้ว 0.2506 บาทต่อหน่วย รวมเงินปันผลจ่ายงวดครึ่งปีเป็น 0.4581 บาทต่อหน่วย ซึ่งคาดว่ากองทุนจะจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่ 0.82 บาทต่อหน่วย โดยบล.ได้ทำการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีคิดลดเงินปันผลได้มูลค่าเหมาะสมที่ 11.50 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจลองหาโอกาสเก็งกำไรในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาปรับตัวลงมามาก รวมทั้งมีส่วนต่างจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิมาก ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ตามราคาหน่วยลงทุนที่ปรับตัวลงมามากนั้นเกิดจากปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง และการฟื้นตัวก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ยั่งยืน เราเชื่อว่าปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งคือการกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบัน แต่เราขอเตือนให้นักลงทุนบุคคลในประเทศระมัดระวังการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพราะแม้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราเงินปันผลตอบแทนและส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิสูงถึง 17.5% ซึ่งเหมาะกับการลงทุนในระยะปานกลาง แต่มีกองทุนเพียง 3 กองที่มีสภาพคล่องเพียงพอ ได้แก่ TFUND, SPF และCPNRF
กำลังโหลดความคิดเห็น