ดัชนีหุ้นภาคเช้ารูดหนักกว่า 4% ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก กลุ่มแบงก์-พลังงาน โดนเทขายหนัก โบรกฯ ชี้นักลงทุนต่างชาติและกองทุนเทขายสินทรัพย์ทุกอย่างที่มีกำไร เพื่อดึงเงินกลับไปรักษาสภาพคล่อง และหลายแห่งต้องถือเงินสดไว้ เพื่อรองรับการแห่ไถ่ถอนหน่วยลงทุนในประเทศตนเอง แนะจับตาประชุมฯ เฟด คืนนี้ คาดใช้มาตรการลดดอกเบี้ย เพื่อกู้วิกฤตเฉพาะหน้าในตลาดการเงิน
บรรยากาศซื้อขายในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (16 ก.ย.) ดัชนีภาคเช้ารูดลงต่อเนื่อง โดยมีแรงขายหนักจากนักลงทุนต่างชาติ เมื่อเวลา 12.04 น.ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 614.76 จุด ลดลง 27.63 จุด เปลี่ยนแปลง -4.30% มูลค่าการซื้อขาย 7,074 ล้านบาท พบว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากปัจจัยปัญหาภาคการเงินสหรัฐยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างหนัก
นายพงษ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลง จากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ยังกังวลกับปัญหาเมอร์ริล ลินช์ กับปัญหาภาคการเงินทั่วโลก และการอ่อนตัวของสินค่าโภคภัณฑ์ แต่มองเป็นจังหวะดีเป็นช่วงที่ทยอยรับได้
แนวโน้มช่วงบ่ายคาดว่าดัชนียังปรับลงอยู่ แต่ก็คิดว่าจะมีการฟื้นตัวได้บ้าง แนะทยอยซื้อแบงก์ หุ้นที่ถูกขายลงมาเยอะๆ เพราะจริงๆ แล้ว Dividend Yield ในตลาดหุ้นไทยสูงมาก
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ็คคินซัน กล่าวว่า หุ้นไทยร่วงไป 4% กว่า ทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ต่างชาติยังขายต่อเนื่อง เพราะกังวลปัญหาภาคการเงินของสหรัฐ และการเมืองยังไม่นิ่งมองแนวโน้มตลาดยังคงผันผวน และตลาดหุ้นรอบบ้านก็ปรับลง 3-4% คงใกล้เคียงกัน
คำแนะนำนักลงทุนช่วงนี้ให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อนโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ ให้ระมัดระวังการซื้อขายในช่วงนี้เพราะช่วงบ่ายยังมีตลาดตลาดต่างประเทศที่จะเปิดยังน่าเป็นห่วงอยู่ อย่าง ยุโรปแนวโน้มดูไม่ค่อยดี
วันนี้ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สยังไม่ฟื้น ยังลงอยู่ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีการเทขาย แนวรับ 605 จุด แนวต้าน 625 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นภาคเช้าร่วงหนักเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยผลกระทบข่าว กรณีของ เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย ส่วนเรื่อง AIG และเมอริล ลินช์ อาจยังมีหางเลขที่ต้องประเมินผลกระทบ และอาจมีแรงขายอีกระลอก เพื่อสำรองเงินสดไว้เผื่อการไถ่ถอนของผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุนออกมามากพอสมควร
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อการเผชิญแรงขาย และปรับตัวลงแรง เพราะตอนนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ตื่นตระหนกกับวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่กำลงัส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อระบบการเงินโลก โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่า 500 จุด มากที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพราะกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการเงิน หลังเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ ประกาศเตรียมยื่นคำร้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ประกอบกับเมอร์ริลลินช์ แอนด์โค ได้บรรลุข้อตกลงขายหุ้นมูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์ ให้แบงก์ออฟอเมริกา คอร์ป
นอกจากนี้ ยังรวมถึงอเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทประกันรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจต้องจับตาว่าในการประชุมเฟดคืนนี้จะมีมาตรการอกมาช่วยเหลือปัญหาภาคการเงินอย่างไร ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้นักลงทุนต่างชาติและกองทุนเทขายสินทรัพย์ทุกอย่างที่มีกำไร เพื่อดึงเงินกลับไปรักษาสภาพคล่อง ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 10917.51 จุด ลดลง 504.48 จุดหรือ -4.42% ดัชนีแนสแด็กปิดที่ระดับ 2179.91 จุด ลดลง 81.36 จุด หรือ -3.60% ส่วนดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เวลา 08:41 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 2,435.48 จุด ลดลง 51.07 จุด ด้านดัชนี นิกเกอิ: ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เวลา 08:46 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 11,639.09 จุด ลดลง 575.67 จุด
สำหรับประเด็นการเมืองคงเป็นที่แน่นอนว่าทางพรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งในวันนี้คงไม่น่ามีความคืบหน้าเป็นอื่น แต่ยังคงต้องรอมติที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องจับตาท่าทีของพันธมิตรว่าจะเคลื่อนไหวตอบโต้อย่างไร รวมถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งเกรงว่าอาจเป็นชนวนรุนแรง นำไปสู่เหตุนองเลือดหรือไม่
ทั้งนี้ ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 616.93 จุด ลดลง 25.46 จุด เปลี่ยนแปลง -3.96% มูลค่าการซื้อขาย 7,603 ล้านบาท โดยหุ้นที่มีการเทขายมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มพลังงาน
ล่าสุด 16.42 น. ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 624.56 จุด ลบ 17.83 จุด เปลี่ยนแปลง -2.78% มูลค่าการซื้อขาย 13,917.50 ล้านบาท