ตลาดหุ้นภาคบ่ายร่วงกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งร่วงลงทุกตลาด หลังตัวเลขผลประกอบการสถาบันการเงินชื่อดังในสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ สะท้อนภาพรวมตลาดการเงินสหรัฐฯที่อ่อนแอ นักวิเคราะห์คาด fund flow ไหลออกไปอุดสถานการณ์บริษัทแม่ในสหรัฐฯ พร้อมแนะจับตา สหรัฐฯแจงข้อมูลตลาดอสังหาฯ 25 ส.ค.นี้
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (21 ส.ค.) ดัชนีภาคบ่ายปรับตัวลงกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค โดยมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กในสหรัฐฯ ซึ่งร่วงลงค่อนข้างแรง หลังจาก “เจพี มอร์แกน” วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ เปิดเผยตัวเลขขาดทุน สะท้อนตลาดการเงินสหรัฐฯที่เปราะบาง รวมทั้งเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ชะลอตัว ทำให้เกิดแรงเทขายในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ พบว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่าย มีแรงขายในหุ้นกลุ่มหลัก ทั้งพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ประเด็นทางการเมืองยังรอความชัดเจนหลายๆ เรื่อง รวมทั้งจากผลที่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) อาจยังคงดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวต่อไป ทำให้เกิดความกังวลในประเด็นอัตราดอกเบี้ย
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายนี้ปรับลงจากปัจจัยหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งจากการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาพูดว่าจะยังคงนโยบายตึงตัวในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยบอกว่า ผ่อนคลายนโยบายด้านการเงิน แต่วันนี้ออกมาพูดว่าจะยังคงนโยบายการเงินตึงตัว ก็อาจจะทำให้คนกังวลเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยว่าอาจจะขึ้นได้มากกว่าที่เคยคิดไว้ตลาดหุ้นจึง react และตัวเลขดุลการค้าของเราติดลบเยอะก็อาจจะกดดันค่าเงินบาท
ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศปรับลงทั้งหมด นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายอยู่ เพราะต้องเอาเงินกลับประเทศ โดยเอาเงินกลับไปช่วยสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่ประสบปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งอาจจะเป็นในเชิงของ fund flow ไหลออกเป็นสำคัญ มากกว่าเรื่อง fundamental ซึ่งเป็นพื้นฐานแท้จริง
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ปรับลง เพราะมีแรงขายออกมาในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นกลุ่มที่ดึงตลาดลงโดยติดลบไปกว่า 2% และอสังหาริมทรัพย์ติดลบ 2% เช่นกัน โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ขึ้นมาเยอะในช่วงก่อนหน้านี้ แต่วันนี้พบว่าทิ้งลงมา คาดว่า ต่างชาติยังขายอยู่ต่อ เนื่องจากวานนี้ส่วนหนึ่งเป็นการปรับพอร์ตทั่วโลก หลังจากที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสถาบันการเงินในสหรัฐฯอยู่
“การที่วอลุ่มบาง ก็ไม่ค่อยมีนัยสะท้อนความกังวล ทั้งเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ แต่การที่ต่างชาติปรับพอร์ตระดับโลกทำให้มีแรงขายในหุ้นบลูชิพโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารออกมาและดึงตลาดโดยรวม”
นายโกห์ มู ลีห์ หัวหน้านักวิจัยจากเวสท์คอมบ์ ซีเคียวริตีส์ กล่าวยอมรับว่า การที่ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงทุกตลาดในวันนี้ เพราะนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับปัญหาในตลาดเงินสหรัฐฯ แม้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่สภาพการณ์ในอนาคตก็ยังมืดมนอยู่ดี
โดยในวันจันทร์หน้า (25 ส.ค.) สหรัฐฯจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนั่นอาจทำให้นักลงทุนลดการถือหุ้นลงอีก เพื่อป้องกันความเสี่ยง และรอโอกาสที่เหมาะกว่านี้ในการเข้าซื้อหุ้นในรอบใหม่
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ กล่าวถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ผันผวนในวันนี้ เป็นไปตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดบวกกว่า 60 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมาในจังหวะที่ดัชนีดีดตัวขึ้น เพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นกับภาวะตลาด ซึ่งถูกกดดันจากความเสี่ยงทางการเมือง และปัญหาค่าเงินบาที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงภาวะเม็ดเงินไหลออก
โดยในช่วงบ่ายดัชนีปรับลงแรงเกือบ 2% ซึ่งคาดว่ามาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เทขายหุ้นในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย เพื่อนำเงินไปชดเชยผลขาดทุนจากวิกฤตสถาบันการเงินในอเมริกา ที่เริ่มสะท้อนผลเสียหายที่รุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับลดลง
ทั้งนี้ ดัชนีสเตรตส์ไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,713.47 จุด ลดลง 38.28 จุด หรือ -1.39% ส่วนดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,392.06 จุด ลดลง 539.20 จุด หรือ -2.58% และดัชนี นิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 12,752.21 จุด ลดลง 99.48 จุด หรือ -0.77%
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) คาดว่า จะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง เพราะจากการประเมินจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง สะท้อนว่า เกิดวิกฤตภาคการเงิน ทำให้ระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดความกระทบกระเทือนขั้นรุนแรง โดยจากดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า ที่ปรับลดลงเป็นสัญญาณเชิงลบต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกในวันพรุ่งนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ระหว่างการซื้อขายปรับตัวขึ้นไปกว่า 1 ดอลลาร์ อาจกระตุ้นความกังวลภาวะเงินเฟ้อมาซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ย่ำแย่ลงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม จากดัชนีหลุดแนวรับสำคัญที่ 680 จุดลง ตามสัญญาณเทคนิคถือว่าจะเกิดขาลงรอบใหญ่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 670 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่680 จุด แนะนำชะลอลงทุน
โดยเมื่อเวลา 15.42 น.ดัชนีอยู่ที่ 679.83 จุด ลดลง 10.22 จุด เปลี่ยนแปลง -1.48% มูลค่าการซื้อขาย 7,712.58 ล้านบาท
ล่าสุด 16.44 น.ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 676.53 จุด ลดลง 13.52 จุด หรือ -1.96% มูลค่าการซื้อขาย 10,735.39 ล้านบาท